ศาลปู่ตาแห่งคำสาป | นิทานลี้ลับไทยสุดระทึก เรื่องเล่าหลอนระดับภาพยนตร์

 

ศาลปู่ตาแห่งคำสาป

โครงเรื่อง : “ศาลปู่ตาแห่งคำสาป”

ตัวละครหลัก

  • กฤษณ์ – หนุ่มเมืองกรุงผู้เป็นนักโบราณคดีไฟแรง ชอบค้นหาความจริงทางประวัติศาสตร์
  • ไหมฟ้า – สาวอีสานท้องถิ่น ผู้สืบเชื้อสายหมอผี มีญาณพิเศษมองเห็นสิ่งลี้ลับ
  • หลวงปู่มั่น – พระชราผู้รู้ตำนานศาลปู่ตา
  • ปู่ตาขวน – ผีผู้พิทักษ์ศาล ผู้เคยเป็นนักรบโบราณ ผู้ถูกคำสาปให้เฝ้าดินแดนต้องห้าม
  • ผู้ใหญ่ผัน – ผู้นำหมู่บ้านผู้ปิดบังความจริงเกี่ยวกับคำสาป



EP.1 : เงาแรกแห่งคำสาป

  • กฤษณ์เดินทางมาที่หมู่บ้านหนองคำเพราะค้นพบเอกสารโบราณกล่าวถึง “ศาลปู่ตาขวน” ที่เชื่อว่ามีสิ่งของโบราณล้ำค่าซ่อนอยู่
  • ชาวบ้านหวาดกลัวศาลปู่ตา ทุกคนเตือนเขาว่า “ของบางอย่างไม่ควรรบกวน”
  • ไหมฟ้าเห็นภาพนิมิตว่าหากกฤษณ์เปิดประตูศาล จะเกิดเหตุร้ายรุนแรง
  • แต่กฤษณ์ไม่เชื่อ เตรียมสำรวจศาลยามค่ำคืน
  • ตอนจบ EP.1 เมื่อกฤษณ์แตะประตูศาล เสียงกู่ร้องของวิญญาณดังสะท้านทั้งหมู่บ้าน ศาลเผยแสงสีแดงเลือด และเงาร่างนักรบโบราณยืนเด่นออกมา…


EP.2 : ความลับที่ถูกปิดตาย

  • วิญญาณปู่ตาขวนบอกว่าตนถูกคำสาปให้เฝ้าสิ่งต้องห้ามที่ไม่อาจให้มนุษย์แตะ
  • กฤษณ์เริ่มถูกภาพหลอน เห็นความทรงจำโบราณราวกับถูกดึงไปอีกโลก
  • หลวงปู่มั่นเผยว่าคำสาปนี้เกิดขึ้นเพราะบรรพบุรุษของผู้ใหญ่ผันเคยขโมย “ขันครูศักดิ์สิทธิ์” ทำให้ดวงวิญญาณนักรบถูกกักขัง
  • ไหมฟ้าเปิดเผยความจริงว่าเธอคือผู้มีหน้าที่ “ปลดปล่อยวิญญาณท้องถิ่น” ตามสายหมอผีรุ่นก่อน
  • ผู้ใหญ่ผันพยายามหยุดทุกคน เพราะหากความจริงถูกเปิดเผย “สิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่า” อาจหลุดออกมาพร้อมการทำพิธี
  • ตอนท้าย EP.2 ศาลปู่ตาแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยหลุมมืดขนาดใหญ่ดูดทุกสรรพสิ่ง เสียงคำรามของบางอย่างที่ไม่ใช่ปู่ตาเริ่มดังขึ้น…


EP.3 : พิธีปลดปล่อย และการตัดสินชะตา

  • โลกวิญญาณกับโลกมนุษย์เริ่มซ้อนทับ บรรยากาศหมู่บ้านเต็มไปด้วยเงานักรบพราย
  • ปู่ตาขวนขอร้องให้กฤษณ์และไหมฟ้าช่วยปลดคำสาป เพราะมี “ปีศาจเจ้าแห่งเหวลึก” ที่ถูกขังร่วมกันกำลังจะหลุด
  • พิธีปลดปล่อยต้องใช้ขันครูศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้ใหญ่ผันไม่ยอมคืน ทำให้ปีศาจเริ่มกลืนกินจิตใจเขา
  • กฤษณ์ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าไปชิงขันครูกลางเงาพรายนับร้อย ส่วนไหมฟ้าฝืนใช้ญาณจนเลือดกำเดาไหล
  • พิธีสุดท้ายเริ่มขึ้น ท้องฟ้าผ่าเป็นเส้น ๆ เงาปู่ตาขวนต่อสู้ปีศาจในโลกวิญญาณ กฤษณ์จับมือไหมฟ้าอ่านคาถา
  • แสงพุ่งทะลุขึ้นฟ้า คำสาปแตกสลาย ปู่ตาขวนยิ้มแล้วสลายหายไปอย่างสงบ
  • หมู่บ้านกลับคืนสภาพเดิม แต่ศาลปู่ตาเหลือเพียงเถ้าธุลี
  • จบด้วยซีนสุดท้าย : กฤษณ์พบแผ่นจารึกใหม่หล่นจากฟ้าเขียนว่า “การพิทักษ์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” บอกเป็นนัยว่ามีเรื่องราวใหม่รออยู่…

EP.1 : เงาแรกของศาลปู่ตา

กฤษณ์ หนุ่มเมืองกรุงกระเตงกระเป๋าลงจากรถสองแถวท่ามกลางความร้อนแบบชนบทอีสาน หมู่บ้านหนองคำดูเงียบจนแปลกตา เหมือนไม่มีใครอยากออกมาเดินข้างนอก กฤษณ์มองรอบๆ แล้วก็ยิ้ม เพราะนี่แหละ จุดหมายที่เขาตามหา ศาลปู่ตาขวน ที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เขามาที่นี่เพราะเอกสารโบราณเล่มหนึ่งที่เจอจากแหล่งขุดค้น บอกว่ามี “สิ่งของโบราณล้ำค่า” ถูกเก็บซ่อนอยู่ในศาลนี้มานานหลายร้อยปี แต่เอกสารก็เตือนไว้ว่ามันถูกผนึกด้วยคำสาป กลุ่มคนรุ่นก่อนถูกเฝ้ามอร์ราห์ตายอย่างลึกลับ เมื่อเข้าใกล้ศาลมากเกินไป แต่กฤษณ์ไม่เชื่อ เขาคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล่า

ขณะเดินเข้าหมู่บ้าน เขาเจอหญิงสาวท่าทางเรียบง่าย แต่ตาจับจ้องมาที่เขาแบบรู้ทัน เธอชื่อ ไหมฟ้า เธอเตือนด้วยเสียงเรียบๆ ว่า
“พี่… อย่าคิดไปแงะศาลปู่ตานะ ของบางอย่างมันไม่ใช่ของคน”

กฤษณ์หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า เขาแค่จะศึกษาทางประวัติศาสตร์ ไหมฟ้าส่ายหน้าเหมือนรู้อะไรมากกว่านั้น แต่เธอไม่พูดอะไรต่อ แค่เดินผ่านไปช้าๆ เหมือนตั้งใจให้เขาคิดเอง

ตกเย็น ชาวบ้านเริ่มก่อไฟรวมกัน มีเสียงซุบซิบดังไปทั่ว ผู้ใหญ่ผันวัยห้าสิบกว่าเดินเข้ามาหากฤษณ์ บอกว่าไม่ควรไปยุ่งกับศาลนั้น เพราะตั้งแต่บรรพบุรุษสมัยเก่า ศาลนี้ก็ไม่มีใครกล้าเฉียด แม้แต่ตัดหญ้าบริเวณรอบๆ ยังไม่กล้าทำกันเลย ถามว่าทำไม ผู้ใหญ่ก็ไม่ตอบ บอกเพียงว่า “มันไม่ใช่ที่ของคน”

แต่ยิ่งมีคนห้าม กฤษณ์ก็ยิ่งอยากรู้ เขาตั้งใจแน่วแน่จะไปดูให้เห็นกับตา

พอตกค่ำ ลมเย็นวิ่งผ่านทุ่งนาอย่างไม่มีสาเหตุ ไหมฟ้าโผล่มาหาเขาอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าไม่เหมือนเดิม เธอเห็นเงาดำๆ ตามหลังเขา เหมือนตามมาแต่ในสายตาของเธอคนเดียว เธอพูดเสียงเบาเหมือนกลัวใครได้ยิน
“พี่… อย่าไปคืนนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ถ้าพี่เปิดประตูศาล มันจะตื่น”

กฤษณ์แค่ยิ้ม เขาเชื่อว่าเธอคงกลัวเกินไป เขาเปิดไฟฉาย เดินดุ่มๆ ออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังศาลปู่ตาที่อยู่ปลายทางทุ่งนาร้าง

ศาลเก่าๆ ตั้งเงียบสนิทอยู่กลางมุมมืด ไม้ผุๆ มีคราบแดงเหมือนสนิม หรือเลือดก็ไม่รู้ มองไม่ชัดเพราะแสงจันทร์สลัวๆ ประตูศาลปิดสนิท โดยมีเชือกเก่าๆ ผูกไว้เหมือนมีคนตั้งใจไม่ให้เปิดมานานหลายสิบปี

กฤษณ์ยื่นมือไปแตะเชือก เสียงลมรอบๆ ก็หยุดนิ่ง เหมือนทั้งทุ่งนาหยุดหายใจ

เขาดึงเชือกออก…

ทันทีที่ประตูศาลขยับ เสียงกู่ร้องลึกๆ เหมือนเสียงคนเป็นร้อยคนครางพร้อมกันดังขึ้นมาจากในดิน สะเทือนทั้งพื้นจนไฟฉายแทบหลุดมือ แสงสีแดงเหมือนเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากในช่องประตู ก่อนรวมกันเป็นเงาร่างนักรบโบราณ สวมชุดเกราะพังกระรุ่งกระริ่ง ยืนตัวสูงทาบกฤษณ์อย่างช้าๆ

เงาร่างนั้นลืมตาขึ้น… ตาเป็นสีดำสนิทเหมือนบ่อมรณะ
กฤษณ์ยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
และเสียงทุ้มลึกก็เอ่ยขึ้นทีละคำเหมือนค้อนกระแทกใจเขา

“เจ้าทำให้… ข้า… ตื่น…”

เสียงดังสะเทือนรอบทุ่งนาจนชาวบ้านในหมู่บ้านสะดุ้งตื่นทั้งคืน

และนี่… คือจุดเริ่มต้นของคำสาปที่ถูกปลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากมันถูกขังมานานหลายร้อยปี


EP.2 : ความลับที่ถูกปิดตาย

ตั้งแต่คืนที่กฤษณ์เปิดศาล หมู่บ้านหนองคำก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อากาศตอนเช้าดูมืดหม่นเหมือนมีหมอกบางๆ ปกคลุม แม้แดดจะแรงแค่ไหนก็ยังรู้สึกเย็นวาบอยู่ตลอด

ชาวบ้านหลายคนเล่าว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงเหมือนกลองรบ กับเสียงคนร้องโหยหวนลอดมาตามสายลม เหมือนเสียงมาจากยุคสมัยที่ไม่มีใครเคยเห็น

กฤษณ์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวตุบๆ เหมือนมีใครเอาค้อนมาตีสมอง เขาจำได้แค่เงาร่างนักรบยืนอยู่ต่อหน้า และเสียงที่มันพูด… ก่อนภาพจะดับวูบลง ทุกอย่างหลังจากนั้นเหมือนความฝันขาดๆ หายๆ

ไหมฟ้ารีบเข้ามาหาเขาแต่เช้า หน้าซีดจนแทบไม่มีสี เธอบอกว่าเมื่อคืนเธอเห็นเงานักรบหลายสิบตัวเดินผ่านทุ่งนาเหมือนกำลังเคลื่อนพลตามอะไรบางอย่าง เธอเห็นด้วยตาเปล่า เห็นแบบคนธรรมดาเห็นได้ ไม่ใช่จากญาณพิเศษ

“พี่กฤษณ์… มันเริ่มตามออกมาแล้ว”
เสียงไหมฟ้าสั่นจนเธอกัดปากตัวเอง

ยังไม่ทันที่กฤษณ์จะถามอะไรต่อ ผู้ใหญ่ผันก็เดินเข้ามา สีหน้าเหมือนคนเก็บความลับไว้เต็มอก เขาบอกให้ทั้งสองไปพบหลวงปู่มั่นที่วัด หลวงปู่อยากพูดอะไรบางอย่างด่วนมาก

ทั้งสองจึงรีบไปวัด วัดที่ปกติสงบ วันนี้กลับรู้สึกอึมครึมเหมือนมีเงาคนยืนอยู่ตามต้นไม้ใหญ่หลายต้น หลวงปู่มั่นนั่งรออยู่บนศาลา สีหน้าเคร่งเครียดจนกฤษณ์รู้สึกผิด

หลวงปู่พูดเบาๆ แต่ทุกคำเหมือนหนักกว่าก้อนหิน
“เอ็งไปปลุกของที่มันไม่ควรตื่น”

กฤษณ์เริ่มหายใจติดขัด เขาถามว่าที่เขาเห็นเมื่อคืนคืออะไร หลวงปู่หลับตาแล้วเล่าเรื่องที่ชาวบ้านไม่เคยพูดให้ใครฟังมาเป็นร้อยปี

“ปู่ตาขวน ไม่ใช่วิญญาณธรรมดา”
“แกเคยเป็นนักรบโบราณ ผู้ถูกสาปให้เฝ้าของต้องห้าม”
“และของต้องห้ามนั่น… มันเกี่ยวข้องกับตระกูลผู้ใหญ่ผัน”

ผู้ใหญ่ผันสะดุ้งทันที เหมือนกลัวความจริงหลุดออกมา

หลวงปู่เล่าว่า บรรพบุรุษของผู้ใหญ่ผันคนหนึ่งเคยขโมย ‘ขันครูศักดิ์สิทธิ์’ ของเผ่าเก่าแก่และซ่อนไว้ในศาล หวังใช้พลังมันเพื่อปกครองผู้คน แต่การกระทำนี้ทำให้คำสาปเกิดขึ้น ปู่ตาขวนถูกผูกให้เฝ้าขันครู ไม่สามารถไปไหนได้จนกว่ามันจะถูกส่งคืนให้เจ้าของ

และที่เลวร้ายกว่านั้น… ขันครูนั้นได้ผนึกบางอย่างที่โหดร้ายยิ่งกว่าวิญญาณนักรบ
ปีศาจเจ้าแห่งเหวลึก
มันถูกปู่ตาขวนกดไว้ใต้ดินมานานหลายร้อยปี

แต่ตอนนี้… เมื่อศาลถูกเปิด
มันเริ่มไหวตัวแล้ว

ระหว่างที่หลวงปู่พูด อยู่นั้นพื้นศาลาเริ่มสั่นเบาๆ เหมือนดินหายใจ เงาดำไหลผ่านริมศาล เหมือนมีแขนหรืออะไรบางอย่างเลื้อยไปตามเงาบันได

ไหมฟ้าตัวสั่น
เธอรู้สึกได้ทันทีว่าโลกวิญญาณเริ่มแทรกเข้ามาในโลกคนจริงๆ

หลวงปู่มั่นจับไม้เท้าแน่นแล้วหันไปมองกฤษณ์
“เอ็งเป็นคนปลุก… เอ็งต้องเป็นคนหยุดมันด้วย”
“ถ้าไม่ทำ… หมู่บ้านนี้จะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ผืนดิน”

กฤษณ์ยังไม่ทันตอบ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงคล้ายกลองรบดังขึ้นจากปลายหมู่บ้าน เสียงเหมือนม้าศึกหลายตัวเหยาะเท้า ทั้งที่หมู่บ้านนี้ไม่มีใครเลี้ยงม้าแม้แต่ตัวเดียว

เสียงชายแก่คนหนึ่งในวัดตะโกนขึ้น
“ผีทหารออกมาแล้ว! มันเดินเป็นขบวนเลย!”

กฤษณ์รีบวิ่งออกมาจากศาลา เห็นกลุ่มเงาทหารโบราณจำนวนมากยืนเรียงเป็นแถวบนถนนดิน ตาเป็นสีดำสนิทเหมือนคืนแรกที่เขาเห็นปู่ตาขวน

พวกมันหันหน้ามาหาเขาเหมือนรู้ว่าเขาคือคนที่ทำลายผนึก

และเสียงทุ้มนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ของ… ของข้า… คืนมา…”

พื้นดินสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
และด้วยความกลัวที่กัดกินทั้งหมู่บ้าน
ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้… ปีศาจตัวที่ถูกขังใต้ดินมันกำลังจะตื่นตามออกมาเช่นกัน


EP.3 : พิธีสุดท้ายของคำสาป

ตั้งแต่กฤษณ์เปิดศาล หมู่บ้านหนองคำก็เหมือนมีบางอย่างซ้อนทับกับโลกคน
วันนี้ทั้งหมู่บ้านมืดสนิทเหมือนใกล้ค่ำ ทั้งที่เพิ่งสายๆ
ลมพัดแรง จนหลังคาบ้านหลายหลังสั่นเอี๊ยดๆ
พื้นดินสั่นเป็นพักๆ เหมือนอะไรใต้ดินกำลังตื่นขึ้นมาเต็มตัว

ไหมฟ้ากับกฤษณ์รีบไปหาหลวงปู่มั่นที่วัด
หลวงปู่นั่งสงบนิ่ง แต่สีหน้าเคร่งราวกับรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องเกิดเรื่อง

หลวงปู่พูดสั้นๆ ว่า
“ไอ้ที่ตื่นเมื่อคืน มันไม่ใช่แค่ปู่ตาขวนแล้ว…
ปีศาจที่ถูกกดไว้ใต้ดินมันกำลังโผล่ขึ้นมา”

กฤษณ์หน้าซีดทันที
“แล้วเราต้องทำไงครับหลวงปู่”

หลวงปู่บอกว่า จะต้องทำพิธีปลดคำสาป
ต้องเอา “ขันครูศักดิ์สิทธิ์” มาคืนให้วิญญาณนักรบ
และทำให้เขาสงบ
ไม่งั้นวิญญาณนักรบทั้งหมด… รวมทั้งปีศาจข้างใต้
จะหลุดออกมาทำลายทั้งหมู่บ้าน

แต่ปัญหาคือ ขันครูนั้น… อยู่กับผู้ใหญ่ผัน
และเขาไม่เคยคิดจะคืนให้ใครมาตั้งแต่ต้น

ทั้งสามจึงรีบไปบ้านผู้ใหญ่ผัน
บ้านทั้งหลังมืดสนิท
เหมือนถูกเงาบางอย่างกลืนกิน
พอเดินเข้าไปใกล้ ทุกคนก็เห็นผู้ใหญ่ผันยืนหันหลัง
ไหล่สั่นเหมือนหอบหายใจแรงๆ
กฤษณ์เรียกชื่อเขาเบาๆ… แต่ไม่มีเสียงตอบ

พอผู้ใหญ่ผันหันมาเท่านั้นแหละ
ทุกคนชะงัก
ตาเขากลายเป็นสีดำสนิท
เหมือนโดนอะไรควบคุม
มือข้างหนึ่งกอดขันครูไว้แน่น
อีกข้างกำไม้ขวาน

เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากปากผู้ใหญ่ผัน
แต่ไม่ใช่เสียงเขา
“ของนี้… เป็นของข้า…
ใครก็เอาไปไม่ได้…”

ด้วยความรวดเร็ว มันพุ่งเข้าหากฤษณ์
กฤษณ์หลบแทบไม่ทัน
ไหมฟ้าตะโกนเสียงหลง
“มันโดนปีศาจครอบไปแล้ว !”

หลวงปู่มั่นยกไม้เท้าขึ้นท่องคาถา
แรงลมหอบหนึ่งปะทะเข้ากับตัวผู้ใหญ่ผันจนกระเด็นไปกองกับพื้น
ขันครูกลิ้งหลุดออกมาพอดี

กฤษณ์รีบคว้ามาไว้ในมือ
ทันทีที่เขาจับขันครู พื้นดินสั่นแรงขึ้น…
เสียงคำรามใต้ดินดังเหมือนสัตว์ยักษ์กำลังโกรธเกรี้ยว
ทุ่งนาทั้งทุ่งมีเงาทหารพรายโผล่ขึ้นมานับสิบ
ตาเป็นสีดำ ลุกขึ้นจากดินเหมือนถูกชุบชีวิต

ไหมฟ้าตะโกน
“รีบไปศาลปู่ตาเร็ว ! ก่อนที่มันจะขึ้นมาหมด !!”

ทั้งสามคนรีบวิ่งไปยังที่ศาล
ฟ้าผ่าลงใกล้ๆ ไฟลุกพรึ่บตามพื้นดินเป็นเส้นยาว
เสียงคนร้องครางเหมือนจากโลกอื่นดังทั่วทุ่งนา
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเสียงของวิญญาณ… หรือปีศาจ

พอถึงศาลปู่ตา
ปรากฏว่าศาลพังเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
กลางพื้นมีรอยแตกเหมือนปากหลุม
ลึกจนมองไม่เห็นก้น
ลมเย็นจัดพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง
พร้อมเสียงคำรามเหมือนสัตว์หลายตัวซ้อนกัน

กฤษณ์ยืนอยู่หน้าปากหลุม
มือกำขันครูแน่น
ไหมฟ้ายืนข้างๆ มองเขาสั่นๆ
“พี่กฤษณ์… ทำเลยนะ
พิธีที่หลวงปู่บอก… ทำเลย…”

หลวงปู่มั่นเองก็แทบยืนไม่ไหว
แต่ยังฝืนสวดคาถา
เพื่อกดไม่ให้ปีศาจผุดขึ้นมา

ทันใดนั้น
เงาของปู่ตาขวนลอยขึ้นมาจากหลุม
ตัวสูงใหญ่ เกราะขาดเป็นชิ้นๆ
ดวงตาแดงเหมือนไฟ
แต่ครั้งนี้… ไม่ได้มองแบบโกรธ
กลับเหมือนมีแววร้องขอ

ปู่ตาขวนพูดเสียงแผ่ว
“คืนของข้า…
และปล่อยข้าไป…”

กฤษณ์วางขันครูลงตรงกลาง
ไหมฟ้าท่องบทสวดตามที่หลวงปู่บอก
ลมพัดแรงจนแทบยืนไม่อยู่
ผืนดินสั่นเหมือนจะถล่มลงตรงนั้น

ทันทีที่บทสวดจบ
ขันครูส่องแสงสีทองขึ้น…
ลอยช้าๆ ไปหาปู่ตาขวน
วิญญาณนักรบยื่นมือไปรับ
และเมื่อเขาจับมัน…
แสงก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างจ้า

ปีศาจที่กำลังจะขึ้นมาจากหลุม
กรีดร้องเหมือนเจ็บปวด
เงามืดที่พุ่งขึ้นมาต่างๆ สลายไปทีละตัว
ทหารพรายที่โผล่ทั่วทุ่ง
ก็ค่อยๆ กลายเป็นหมอกแล้วหายไปกับสายลม

ปู่ตาขวนยืนมองกฤษณ์
ค้อมศีรษะเล็กน้อย
เหมือนขอบคุณ
ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ สลายไป
เหลือแค่เศษเกราะผุๆ ตกลงบนดิน

หลุมที่กว้างใหญ่ค่อยๆ ปิดตัวเอง
ดินแน่นเหมือนไม่เคยมีช่องว่างอยู่เลย

ทุกอย่างเงียบสนิท…
มีเพียงเสียงลมอ่อนๆ พัดผ่าน
เหมือนทุกอย่างกลับมาปกติ

ไหมฟ้าหันไปมองกฤษณ์
น้ำตาคลอ
“มัน… จบแล้วเนาะพี่”

กฤษณ์หายใจลึก
เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ารอดมาได้
เขามองไปยังซากศาลที่หายไปหมดแล้ว
และพูดเบาๆ

“จบ… แต่เหมือนอะไรบางอย่าง ยังไม่หมดจริงๆ”

เพราะตรงข้างเท้าเขา
มีแผ่นจารึกเก่าๆ ใบหนึ่ง
ลอยขึ้นมาจากดินเหมือนมีใครดันขึ้นมา
บนแผ่นนั้นมีคำสลักเพียงสั้นๆ

“ผู้พิทักษ์คนใหม่… จะเริ่มงาน”

กฤษณ์ยืนเงียบ
ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง
เหมือนคำเตือนจากใครสักคนที่มองไม่เห็น

และนี่… คือจุดจบของคำสาปศาลปู่ตา
แต่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องทั้งหมด

เพราะเรื่องราวของผู้พิทักษ์…
เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง.


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น