ตัวละครหลัก
- ยายคำไพ – หญิงชราในหมู่บ้าน ผู้เป็นหมอธรรมเก่า รู้เรื่องปอบมากกว่าคนในหมู่บ้านทั้งหมด
- อ่ำ – ชายหนุ่มผู้กลับมาจากกรุงเทพฯ หลังหายไปนานหลายปี มีความลับที่ไม่กล้าบอกใคร
- แสงดาว – ครูสาวใจดี ผู้เป็นแฟนเก่าของอ่ำ แต่ยังคงผูกพันลึก ๆ
- ผู้ใหญ่ทวี – ผู้นำหมู่บ้าน ใจแข็ง ตัดสินใจเด็ดขาด
- เปรื่อง – เพื่อนสนิทอ่ำ ผู้รักความยุติธรรมแต่ขี้กลัว
- ปอบเงา – วิญญาณปอบโบราณที่ต้องการร่างใหม่ และเป็นภัยที่ลึกลับกว่าปอบธรรมดา
EP1: เงาแรกโผล่
จุดเริ่มต้นความสยอง
- กลางดึกในหมู่บ้านอีสาน “บ้านหนองคู” วัวควายเริ่มตายแบบผิดธรรมชาติ
- คนในหมู่บ้านเริ่มพบ “เงาแปลก” ที่ติดตามตอนเดินกลางคืน ทั้งที่ไม่มีคนยืนอยู่
- อ่ำกลับมาบ้านหลังจากหายไปหลายปี มาพร้อมท่าทีเหนื่อยล้าและฝันร้ายประหลาด
เหตุการณ์ใหญ่
- เด็กในหมู่บ้านหายตัวอย่างลึกลับ
- ยายคำไพเรียกประชุมลับในหมู่บ้าน บอกว่ามีกลิ่นอายของ “ปอบเงา” ซึ่งไม่ใช่ปอบธรรมดา
- ทุกคนเริ่มสงสัยอ่ำ เพราะเหตุการณ์ร้ายเริ่มขึ้นตั้งแต่เขากลับมา
จบ EP1 – จุดพีค
- ในค่ำคืนเงียบงัน แสงดาวเดินกลับบ้านคนเดียว
- เงาของเธอ “ขยับ” ไม่เหมือนร่างจริงของเธอ
- มันหันกลับมามองเธอ…ด้วยรอยยิ้มกว้างผิดมนุษย์
EP2: เงาที่ซ่อนอยู่ในเลือด
ความลับเปิดออกทีละนิด
- อ่ำยอมรับกับแสงดาวว่าเขากลับมาเพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างตามหลอกเขาตลอดเวลา
- ยายคำไพพยายามทำพิธีตรวจเงาของชาวบ้านทุกคน เพื่อคัดแยกว่ามีใครถูกปอบสิงหรือไม่
- ระหว่างพิธี ผู้ใหญ่ทวีเห็น “เงาของอ่ำ” เกิดอาการยืดยาวและกระตุกแรงราวกับสิ่งมีชีวิต
ความตายครั้งใหญ่
- ตอนกลางดึกมีเสียงร้องโหยหวนจากลานวัด พบศพชาวบ้านนอนตาเบิกโพรง และไม่มีเงาใต้ร่าง
- ยายคำไพบอกว่า ปอบเงากำลังกิน “เงาของมนุษย์” เพื่อสร้างร่างใหม่ให้สมบูรณ์
จุดหักมุม
- เปรื่องแอบเห็นอ่ำยืนพูดกับ “เงาของตัวเอง”
- แต่เสียงของเงานั้น…ไม่ใช่เสียงของอ่ำ
- เงาตัวนั้นบอกว่า “ร่างของแก…ข้าใกล้ได้มันแล้ว…”
จบ EP2 – จุดพีค
- ยายคำไพประกาศว่า ปอบเงาที่แท้กำลังสิงอยู่ในร่างของคนที่ไม่มีใครคาดคิด
- เธอหันไปชี้ช้า ๆ …
- ก่อนจะบอกชื่อ: “แสงดาว”
EP3: คืนสังเวยเงา
สู่ความจริง
- ชาวบ้านแตกตื่น แต่แสงดาวยืนยันว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย
- ยายคำไพอธิบายว่า ปอบเงาสามารถซ่อนตัวใน “เงา” ของใครก็ได้โดยไม่ต้องสิงร่าง จึงตรวจไม่พบ
- อ่ำพยายามปกป้องแสงดาว แม้ทุกคนคิดว่าเธอคือภัย
แผนต่อสู้
- หมู่บ้านจัดพิธี “ตัดเงา” พิธีโบราณสุดท้ายที่เหลืออยู่
- พวกเขาต้องหลอกล่อปอบเงามารวมตัวในลานวัด ก่อนใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์เผาตัดเงาออกจากร่างของผู้ถูกเลือก
ฉากตื่นเต้นระดับหนัง
- ขณะพิธีเริ่ม เงาของชาวบ้านทุกคนเริ่มดิ้นและค่อย ๆ ลอยออกจากพื้น
- เงาทั้งหมดมารวมเป็นรูปร่างเดียว—ปอบเงาร่างยักษ์สีดำสนิท ดวงตาสีขาวเรืองแสง
- มันวิ่งไล่ล่าคนทั้งหมู่บ้าน หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยเงาไหลตามพื้นเหมือนน้ำสีดำ
ไคลแมกซ์
- อ่ำยอมสละตัวเองให้พิธีเป็น “ผู้ล่อ”
- ปอบเงาเข้าสิงเงาของอ่ำจนหมด
- ยายคำไพจุดไฟตัดเงา—แต่ต้องทำให้แม่นยำ ไม่งั้นอ่ำจะตายไปด้วย
จบ
- ปอบเงาถูกทำลาย เสียงกรีดร้องสะเทือนทั้งหมู่บ้าน
- อ่ำรอด แต่ตื่นขึ้นมาโดยไม่มีเงาของตัวเองอีกต่อไป
- ยายคำไพบอกว่า “เขาจะไม่ถูกปอบเงาตามสิงอีก…แต่เขาจะไม่มีวันเป็นคนธรรมดา”
ปิดท้าย
- คืนหนึ่ง แสงดาวเห็นอ่ำนั่งอยู่เงียบ ๆ ใต้แสงจันทร์
- ข้างเขา…มีเงาบาง ๆ กำลังก่อตัวขึ้นใหม่
- และยิ้มให้เธอ
EP.1
คืนแรกที่เงามันขยับ
ลมเย็นๆ พัดมาจากท้ายหมู่บ้านหนองคู แบบที่ทำให้คนขนลุกได้ทั้งตัว บางคนว่าเป็นเพราะหน้าหนาวใกล้มา บางคนว่าเป็นเพราะมีผีปอบออกเดิน แต่คืนนั้น…ใครๆ ก็รู้สึกเหมือนกันหมด ว่าอะไรแปลกๆ มันเริ่มขึ้นแล้ว
ยายคำไพ ผู้เป็นหมอธรรมคนเก่า นั่งอยู่หน้าบ้านตรงแสงตะเกียงแก๊ส เธอมองไปที่ทุ่งนามืดๆ แล้วก็พึมพำเบาๆ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะมีเรื่อง เธอว่า
“ลมมันพาเสียงแปลกๆ มาเด้…คือสิบ่ดี”
คืนนั้นเอง วัวของลุงเม่นร้องเสียงดังลั่นเหมือนโดนบีบคอ ชาวบ้านหลายคนวิ่งไปดู พอไปถึงก็มีแต่ซากวัวนอนตาเหลือก ตัวแข็ง เหมือนโดนสูบจนแห้ง คนก็เริ่มซุบซิบกันทันทีว่า “ปอบกินวัว” แต่ที่ทำให้ทุกคนขนหัวลุกกว่าคือ ตอนส่องไฟฉายลงไปใต้ซากวัว มันไม่มีเงาอยู่ใต้ท้องเลยสักเส้นเดียว
ได้แต่กลืนน้ำลายกันดังเอื๊อก เพราะในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครเคยเจออะไรแบบนี้
เช้าวันต่อมา อ่ำ ชายหนุ่มที่หายออกจากหมู่บ้านหลายปี กลับมาพร้อมกระเป๋าใบเดียว เขาดูผอม หน้าตาเหมือนค้างคาวบินชนมาเมื่อคืน แสงดาว ครูสาวในหมู่บ้านที่เคยเป็นแฟนเก่า ก็เห็นเขาจากไกลๆ แล้วก็แอบสงสัยว่าทำไมถึงกลับมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
อ่ำได้แต่ยิ้มฝืดๆ บอกว่า “กลับมาพัก…เบิ่งนำๆ แล้วกัน”
แต่สายตาของเขาเหมือนคนที่กลัวบางอย่างตามมา
ก่อนฟ้าจะมืด เด็กในหมู่บ้านคนหนึ่งชื่อโบก หายไปตอนวิ่งไปเล่นหลังวัด ผู้ใหญ่ทวีรวมญาติ ชาวบ้านออกเดินหากันทั้งหมู่บ้าน เดินจนเกือบเที่ยงคืนถึงเจอรองเท้าเด็กตกอยู่ริมป่ามันสำปะหลัง แต่ไม่เจอตัวเด็กเลยสักนิด ทุกคนยืนกันเงียบเหมือนโดนปิดปากด้วยความกลัว
ยายคำไพถือไม้เท้าเดินมา มองไปในความมืดแล้วพูดเสียงแผ่วๆ ว่า
“ของบ่ดีมันเข้ามาแล้วเด้อ…บ่แม่นปอบธรรมดาแน่ แฮงกว่าปอบหลายเท่า”
คนฟังกันแล้วขนลุกไปทั้งตัว
คืนนั้นแสงดาวเลิกงานสอนดนตรีเย็น เธอเดินกลับบ้านคนเดียวตามทางดิน มีไฟส้มๆ ดวงเดียวตั้งอยู่หน้าศาลา เธอหิ้วถุงผักจากร้านป้านวลมา ไม่ได้สนใจอะไรจนเดินผ่านกระจกเก่าๆ ที่พิงอยู่ใต้ต้นมะขาม
เธอมองเงาของตัวเองผ่านกระจก…แล้วหัวใจแทบหยุดเต้น
เพราะเงาของเธอ มันไม่ได้ยืนเฉยๆ แบบร่างจริง
เงาตัวนั้น หันหน้ามามองตรงๆ ทั้งที่ร่างจริงของเธอกำลังก้มดูถุงผักอยู่
และที่น่ากลัวที่สุด…เงานั้นยิ้มกว้างแบบไม่มีริมฝีปาก เหมือนรอยยิ้มฉีกจนถึงหู
แสงดาวทำถุงผักหล่นดังตุบ แล้ววิ่งสุดชีวิตกลับบ้าน ไม่กล้าหันกลับไปดูอีก
คืนนั้นทั้งหมู่บ้านรู้สึกเหมือนมีอะไรเฝ้ามองอยู่ตามมุมมืด ทุกลมหายใจ ทุกแสงไฟ ทุกเงา…ดูแปลกไปหมด
และนั่น คือคืนแรกที่ “ปอบเงา” เริ่มแผลงฤทธิ์
EP.2
เงาที่ซ่อนอยู่ในเลือด
หลังคืนที่แสงดาวเห็นเงายิ้ม ทุกคนในหมู่บ้านเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ข่าวเด็กหาย วัวตาย เงาแปลกๆ ลือกันไปทั้งบ้านหนองคู จนไม่มีใครกล้าเดินออกจากบ้านหลังพระตกดิน
อ่ำเองก็ไม่ต่างกัน เขานั่งเหม่ออยู่หน้าบ้านตลอดเวลา เหมือนกลัวบางอย่างโผล่มาจากข้างหลัง คืนนั้นแสงดาวตัดสินใจเดินไปหาอ่ำ เพราะอยากถามให้รู้เรื่องไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อ่ำเห็นหน้าแสงดาวก็ตกใจ เหมือนกลัวว่าเธอจะพูดถึงเรื่องเงา
แสงดาวถามเสียงสั่น “อ่ำ…เจ้ากลับมาทำไม บอกข่อยแน ว่ามีไผตามเจ้ามาบ่”
อ่ำถอนหายใจ ยกมือทาบหน้าผากเหมือนปวดหัว
“ดาว…ข่อยบอกบ่ได้ดอก แต่มันบ่ได้ตามข่อยมา มันมาฮอดตั้งแต่ก่อนข่อยสิกลับแล้ว”
คำตอบนั้นทำให้แสงดาวขนลุกซู่ เธอสัมผัสได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องหนักจริงๆ
ตกค่ำ ผู้ใหญ่ทวีเรียกทุกคนมาประชุมที่ลานวัด ยายคำไพถือขันน้ำมนต์เก่าๆ เดินออกมากลางวง
ยายบอกว่า เงาที่ทุกคนเห็นไม่ใช่ปอบธรรมดา มันคือ “ปอบเงา” ของเก่าที่ถูกขังในวัดร้างมานานหลายชั่วอายุคน ถ้ามันกินเงาคนได้ครบ มันจะมีร่างจริง แล้วไม่มีใครหยุดมันได้
หลังจากนั้นยายคำไพบอกให้ทุกคนทำตามพิธีตรวจเงา
ดับไฟทั้งลานวัด ให้เหลือแต่ไฟตะเกียง
ทีละคน ให้ยืนกลางแสงไฟ เพื่อดูว่าเงามันผิดปกติไหม
บรรยากาศตอนนั้นเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ ทุกคนกลัวว่าพอถึงตาตัวเอง เงาจะดิ้นหรือขยับเหมือนเงาไม่ใช่ของตัวเอง
เมื่อถึงคิวอ่ำ ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่เท้าเขา
ในตอนแรก เงาก็เหมือนปกติ
แต่พอไฟตะเกียงสั่นนิดเดียว เงาของอ่ำก็ดีดตัวเหมือนของมีชีวิต แล้วเหมือนมันจะยืดยาวออกไปนิดหนึ่งราวกับอะไรบางอย่างพยายามดึงมัน
ชาวบ้านร้องเสียงหลง
ผู้ใหญ่ทวีคว้าไม้ไผ่ขึ้นมาถือแน่น
มีคนตะโกนว่า “อ่ำเป็นปอบ!”
อ่ำตกใจจนถอยหลังแทบล้ม เขาส่ายหัวแรงๆ
“บ่แม่น! ข่อยกะตกใจคือกัน ข่อยกะบ่รู้เป็นหยัง!”
แสงดาวรีบเข้าไปกันไม่ให้คนรุมอ่ำ
แต่สายตาของทุกคนเริ่มหวาดระแวงไปหมด
ทันใดนั้น เสียงโหยหวลของหมาเห่าเป็นแถวดังมาจากป่า พร้อมเสียงเหมือนคนกัดกระดูกดังกร๊อบๆ
ทุกคนเงียบ…เงียบจนวัดได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
ผู้ใหญ่ทวีส่องไฟฉายไปทางป่ามันสำปะหลัง
แสงไฟจับเข้าที่บางสิ่งคลานต่ำๆ อยู่หลังต้นไม้
เหมือนคน…แต่ไม่ใช่คน
มันคลานเร็วมาก จนมองไม่ชัดว่าตัวเป็นอะไร
ยายคำไพตะโกนลั่น
“มันออกมาแล้ว ปอบเงา!”
ชาวบ้านวิ่งกลับบ้านกันชุลมุน เหมือนฝูงไก่โดนหมาป่า
แสงดาวจับแขนอ่ำวิ่งหนี แต่เปรื่อง เพื่อนสนิทอ่ำ ที่แอบซ่อนอยู่หลังศาลาวัด เห็นภาพหนึ่งเต็มๆ
เขาเห็นอ่ำยืนคุยกับ “เงาของตัวเอง”
และเสียงของเงานั้น…ไม่ใช่เสียงอ่ำเลย
เสียงมันต่ำ ลากยาวเหมือนเสียงของอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์
มันพูดว่า
“ร่างของเจ้า…ข้าใกล้ได้มันแล้ว”
พอเงาหายไป เปรื่องรีบเผ่นหนีแทบไม่ทัน
คืนเดียวกันนั้น ยายคำไพเรียกประชุมลับเล็กๆ ในบ้านของผู้ใหญ่ทวี
เธอวางผ้ายันต์เก่าลงบนโต๊ะ แล้วพูดเสียงสั่นแบบคนเชี่ยวเรื่องผีแต่ยังต้องกลัว
“ปอบเงามันบ่ได้เข้าสิงคนหรอก มันแอบอยู่ในเงาของคนหนึ่งในหมู่บ้านนี่ล่ะ แต่มันซ่อนโตคักหลาย ข่อยตรวจบ่เห็นจนเมื่อกี้นี่เอง”
ผู้ใหญ่ทวีถามเสียงหนักๆ
“มันอยู่ในเงาของไผกันแน่ยาย”
ยายคำไพสูดลมหายใจยาว
แล้วชี้นิ้วไปช้าๆ แบบไม่กล้าทำด้วยซ้ำ
“มัน…อยู่ในเงาของแสงดาว”
คนในห้องเงียบสนิท ราวกับลมหายใจของทุกคนหายไปพร้อมกัน
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความโกลาหลอีกครั้งในหมู่บ้านหนองคู…
เพราะคนที่อ่ำอยากปกป้องที่สุด ถูกกล่าวหาว่าอาจเป็นร่างที่ปีศาจกำลังซ่อนอยู่
EP.3
คืนสังเวยเงา
หลังยายคำไพประกาศว่าเงาของแสงดาวคือที่ซ่อนของปอบเงา หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านแตกฮือขึ้นมาอีกครั้ง บางคนกลัวจนร้องไห้ บางคนอยากจับตัวเธอไปขังข้างวัด แต่ผู้ใหญ่ทวีรีบสั่งเสียงดัง ห้ามใครแตะต้องแสงดาวเด็ดขาดจนกว่าจะรู้ความจริง
แสงดาวเองยืนหน้าซีดเหมือนคนวิญญาณหลุดจากร่าง เธอไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเงาของตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง
อ่ำรีบจับแขนเธอไว้
“ดาว ข่อยสิอยู่ข้างเจ้าเด้อ อย่าให้ผู้ใดพาเจ้าไปดอก”
แต่ลึกๆ ในใจอ่ำเองก็เริ่มหวั่น เขาเห็นความผิดปกติตั้งแต่คืนแรกแล้ว และตอนนี้มันชัดเจนเกินกว่าที่จะปฏิเสธได้
คืนนั้น ยายคำไพพาทุกคนไปยังศาลาวัดกลางหมู่บ้าน เตรียมพิธี “ตัดเงา” พิธีเก่าแก่ที่ใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อหลายสิบปีก่อน โต๊ะไม้เก่าๆ ถูกวางไว้ตรงกลาง มีเชือกแดง ลวดหนาม ใบไม้แห้ง และไฟตะเกียงล้อมรอบกลายเป็นวงพิธี
“คืนนี้…สิรู้กันว่าเงาใผคือของมัน”
ยายคำไพพูดช้าๆ แต่หนักแน่น
ลานวัดมืดจนเห็นแต่ควันลอยจากตะเกียง ทุกคนยืนเป็นวงกลมเหมือนรออะไรบางอย่างโผล่มาจากพื้นดิน
และมันก็มา
เสียงซู่ๆ เหมือนอะไรไหลอยู่บนดินดังก้องไปทั้งลาน
เงาของคนในวงเริ่มสั่นและดิ้นเหมือนปลาถูกโยนขึ้นบก
บางเงาค่อยๆ โผล่ขึ้นจากพื้นเหมือนจะเดินออกมาจากร่างคนจริงๆ
หญิงคนหนึ่งกรีดร้องเมื่อเงาของเธอแยกตัวออกไปยืนข้างๆ แล้วค่อยๆ หันกลับมามองเธอด้วยดวงตาสีขาวโพลน
ผู้ชายอีกคนล้มลงเพราะเงาตัวเองเหมือนถูกบางสิ่งลากไปตามพื้นเร็วจนมองไม่ทัน
วินาทีนั้นทั้งหมู่บ้านแตกตื่นสุดๆ
แต่ยายคำไพตะโกนสั่ง
“ห้ามหนี! มันสิรวมโต!”
แล้วเงาทุกเงาก็รวมตัวกันจริงๆ
มันไหลเข้าหากันเหมือนน้ำนองพื้น กลายเป็นตัวดำทะมึนสูงเท่าต้นมะขาม ดวงตาสองข้างขาวซีดเหมือนลูกไฟดับ
ปอบเงา…ได้ร่างสมบูรณ์แล้ว
มันคำรามออกมาเสียงเหมือนคนหลายสิบคนร้องพร้อมกัน
ต้นไม้สั่น บ้านไหว ดินใต้เท้าร้าวเป็นเส้นๆ
พอมันเห็นอ่ำ ก็พุ่งเข้าใส่เหมือนรู้ว่าร่างนี้คือร่างที่มันหมายปองมานาน
อ่ำล้มกลิ้งกับพื้น เงาดำขนาดใหญ่พุ่งมาครอบตัวเขาทั้งตัว
แสงดาวร้องสุดเสียง
“อ่ำ!!”
ผู้ใหญ่ทวี พยายามวิ่งเข้าไปช่วยแต่แรงของปอบทำให้ทุกคนถอยหลังจนแทบเซ
ยายคำไพตะโกน
“มันเลือกแล้ว! มันสิเอาเงาอ่ำนี่ล่ะเป็นร่าง! จับมันเข้าวงไฟเดี๋ยวนี้!”
ชาวบ้านหลายคนช่วยกันลากอ่ำเข้าสู่วงพิธี ทั้งที่เงาดำยังพันตัวเขาแบบจะกลืนกินจากข้างใน
อ่ำกรีดร้องด้วยเสียงที่เหมือนมีอีกเสียงแทรกอยู่
เหมือนสองคนใช้ปากเดียวกันพูด
“ปล่อย…ร่างนี้เป็นของข้า!”
แสงดาวร้องไห้จนตัวสั่น เธอคว้าแขนอ่ำที่กำลังถูกเงาดึงไว้
“อ่ำ! สู้อย่าให้อีหยังมันเอาเจ้าไปเด้อ!”
ยายคำไพยกไฟศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเหนือหัว
“เงาของไผที่มันสิง ต้องโดนไฟตัด! แต่ต้องระวังเด้อ ถ้าไฟโดนร่างจริง…อ่ำสิจบชีวิตทันที!”
เงาดำบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง มันพยายามแยกร่างอ่ำออกเป็นสองส่วน เงาหนึ่ง ร่างหนึ่ง
ในจังหวะที่เงาแยกออกมาเกือบครึ่ง ยายคำไพตวัดไฟในมือแล้วฟาดลงบนเงาดำเต็มแรง!
เสียงเหมือนเนื้อไหม้ปนเสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั้งหมู่บ้าน
ปอบเงากระตุกเหมือนโดนตัดขาดเป็นสองส่วน ก่อนจะสลายเป็นควันดำลอยหายไปกับลมกลางคืน
ทุกอย่างเงียบสนิท…
อ่ำนอนหอบอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมทั้งตัว
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ร่างเขาปกติ แต่ใต้เท้า…ไม่มีเงาอีกแล้ว
ไม่มีเลย
เหมือนคนที่ถูกตัดความเป็นมนุษย์ออกไปส่วนหนึ่ง
ยายคำไพยืนมองแล้วพูดเบาๆ
“อ่ำปลอดภัยแล้ว…แต่นับจากนี้ เขาบ่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป เงาของเขาสิไม่กลับมาอีกตลอดชีวิต”
หลายวันผ่านไป หมู่บ้านหนองคูเริ่มกลับมาเป็นปกติ ผู้คนกลับไปทำนา เลี้ยงวัวเหมือนเดิม
แต่ทุกคืน แสงดาวจะเห็นอ่ำนั่งอยู่หน้าบ้านใต้แสงจันทร์ ดูเงาอื่นๆ ของต้นไม้และคนเดินผ่านเหมือนคนคิดอะไรลึกๆ
คืนหนึ่ง เธอเดินไปนั่งข้างเขา
อ่ำไม่พูดอะไร แต่อยู่ๆ เธอก็เห็นบางอย่าง…
ด้านหลังอ่ำ บนพื้นข้างๆ เท้าเขา
มีเงาบางๆ จางๆ เหมือนควันกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด
แล้วมันก็ขยับเหมือนสิ่งมีชีวิต
ก่อนจะ “ยิ้ม” ให้เธอเบาๆ
แบบเดียวกับที่เงาของเธอเคยยิ้มในคืนนั้น
แสงดาวสะดุ้งเฮือก
เธอหันไปมองหน้าอ่ำ
แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เรื่องของปอบเงาอาจจบลงแล้ว…
แต่เงาของอ่ำเพิ่งเริ่มต้นใหม่เท่านั้น

0 ความคิดเห็น