ผีโพงผู้มาพร้อมแสงไฟ | นิทานพื้นบ้านลึกลับกลางทุ่งนา เรื่องเล่าชวนขนหัวลุก

 

ผีโพงผู้มาพร้อมแสงไฟ

🕯️ ชื่อเรื่อง : ผีโพงผู้มาพร้อมแสงไฟ

🧩 ตัวละครหลัก

  • พุดซ้อน — เด็กสาวชาวบ้านอายุราว 14 ปี จิตใจดี ชอบช่วยคน
  • ยายจัน — ยายของพุดซ้อน เล่าเรื่องผีโพงให้ฟังเสมอ
  • ลุงคง — ชาวบ้านขี้เมา ชอบแอบล่าสัตว์ตอนกลางคืน
  • ผีโพง — วิญญาณเรืองแสงที่ว่ากันว่าหากินตอนค่ำ มีแสงไฟลอย ๆ ติดตัว
  • พ่อใหญ่บุญมา — ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน ผู้รู้เรื่องเก่าของผีโพง


🌙 โครงเรื่อง (3 EP.)

EP.1 – แสงไฟในทุ่งนา

  • เปิดเรื่องในหมู่บ้านชนบทตอนปลายฝนต้นหนาว
  • พุดซ้อนกับยายจันเห็น “แสงไฟลอย” แถวทุ่งนา ยายบอกว่า “นั่นแหละผีโพง อย่าไปใกล้”
  • ลุงคงได้ยินข่าวและคิดว่าเป็น “ของดี” หรือ “ไฟจากสมบัติ” จึงชวนเพื่อนจะไปดู
  • พุดซ้อนแอบตามไป เห็นลุงคงถูกแสงไฟวิ่งวนรอบตัว แล้วหงายหลังหนีแทบไม่ทัน
  • หมู่บ้านเริ่มกลัว และห้ามออกจากบ้านตอนกลางคืน


EP.2 – ความลับของแสงไฟ

  • พุดซ้อนสงสัย ไม่เชื่อว่าผีโพงจะร้ายจริง เธอจึงออกไปกลางคืนพร้อมตะเกียง
  • เธอเห็น “หญิงสาวเรืองแสง” ยืนร้องไห้ข้างหนองน้ำ — คือผีโพงจริง ๆ
  • ผีโพงไม่ได้ทำร้าย เธอกลับพูดว่า “ช่วยฉันที...ฉันกลับบ้านไม่ได้”
  • พุดซ้อนเล่าให้ยายจันฟัง ยายจันตกใจ แต่พ่อใหญ่บุญมาบอกว่า
  • “ผีโพงแต่ก่อนเป็นหญิงสาวถูกกล่าวหาว่าขโมยของ จึงถูกสาปให้เรืองแสง หิวอยู่เรื่อยไป”
  • พุดซ้อนตั้งใจจะหาทางช่วยปลดคำสาป


EP.3 – แสงสุดท้าย

  • พุดซ้อนตามหาของที่ผีโพงถูกใส่ร้ายว่าขโมย — พบว่าแท้จริงลุงคงต่างหากที่ขโมยไว้เมื่อหลายปีก่อน
  • เธอนำของนั้นไปคืนให้วิญญาณผีโพงที่หนองน้ำ
  • แสงไฟรอบตัวผีโพงค่อย ๆ สว่างขึ้น แล้วดับหายไป พร้อมรอยยิ้มสงบ
  • หมู่บ้านไม่เห็นแสงไฟอีกเลย
  • ท้ายเรื่อง พุดซ้อนฝันว่าเห็นหญิงสาวผีโพงยิ้มให้ พร้อมเสียงกระซิบว่า
  • “ขอบใจนะ...แสงไฟของฉันได้กลับบ้านแล้ว”
  • พุดซ้อนตื่นขึ้น เห็นแสงหิ่งห้อยนับร้อยบินเต็มทุ่ง...



EP.1 แสงไฟในทุ่งนา

คืนหนึ่ง ลมหนาวพัดแรง เสียงหมาเห่าหอนดังอยู่ทั่วหมู่บ้าน พุดซ้อนนั่งเฝ้ายายจันอยู่หน้ากองไฟ ยายกำลังนั่งสานกระจาดพลางพูดเสียงเบา
“อย่าออกไปเล่นตอนกลางคืนนะหลานเอ๊ย เดี๋ยวผีโพงมันจับเอา”

พุดซ้อนหัวเราะ “ผีโพงที่ยายว่า มันมีจริงเหรอยาย”
ยายจันหันมามองตา “จริงสิลูก ผีโพงมันมีไฟลอยไปลอยมา ถ้าเห็นอย่าเดินตาม มันจะหลอกให้หลงทาง”

พุดซ้อนไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอมองออกไปทางทุ่งนา เห็นแสงอะไรบางอย่างวาบๆ อยู่ไกลๆ เหมือนแสงตะเกียง แต่ก็ไม่มีเสียงคน ไม่มีเสียงฝีเท้า มีแต่ความเงียบกับเสียงลมหวีดหวิว

รุ่งเช้า ข่าวลือเรื่องแสงไฟในทุ่งแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน บางคนบอกเห็นดวงไฟลอยเหนือคันนา บางคนบอกได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ มาจากหนองน้ำ
ลุงคง ชาวบ้านขี้เมา ได้ยินเข้าก็หัวเราะลั่น “ผีโพงบ้าบออะไร แสงไฟนั่นมันต้องมีของดี ของเก่าฝังอยู่แน่ๆ เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะไปดูให้รู้เรื่อง”

พุดซ้อนได้ยินก็นึกกลัวแต่ก็แอบอยากรู้ว่าจริงไหมคืนนั้นพุดซ้อนทำทีว่าจะเข้านอน แต่พอยายหลับ เธอก็แอบหยิบตะเกียงแล้วค่อยๆ เดินตามลุงคงออกไปทางทุ่งนา

เสียงจักจั่นเงียบลงเมื่อเธอเดินพ้นหมู่บ้าน ลมเย็นยะเยือกพัดมาจนขนลุก เธอเห็นลุงคงถือไฟฉายเดินอยู่ข้างหน้า
“ลุงคง รอหนูด้วย” พุดซ้อนกระซิบเบาๆ แต่ลุงคงไม่ได้หันมา เขาเดินไปเรื่อยๆ จนถึงคันนากลางทุ่ง แล้วก็หยุด

ตรงนั้นเอง แสงไฟกลมๆ สีเหลืองอมเขียวค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น มันลอยนิ่งอยู่เหนือหัวลุงคง แล้วเริ่มหมุนรอบตัวช้าๆ เหมือนกำลังจ้องมอง

“ใครมาจุดไฟเล่นวะ!” ลุงคงตะโกน พลางยกมือจะปาไฟแช็กใส่
แต่ยังไม่ทันขว้าง แสงไฟนั้นพุ่งเข้าใส่เขาทันที
มีเสียงร้องลั่น “โอ๊ยยย!” แล้วลุงคงก็หงายหลังล้มลงกับพื้น

พุดซ้อนตกใจสุดขีด เธอวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ มองเห็นแสงไฟนั้นค่อยๆ ลอยต่ำลง เหมือนกำลังดูว่าลุงคงยังอยู่ไหม แล้วจู่ๆ ก็ลอยหายไปในความมืด

พุดซ้อนรีบวิ่งกลับบ้าน หัวใจเต้นแรงแทบทะลุอก
ยายจันเปิดประตูออกมาเห็นหลานหน้าซีด ก็ร้องถาม
“ไปไหนมานี่พุดซ้อน ทำไมตัวสั่นแบบนั้น”

พุดซ้อนพูดเสียงสั่น “ยาย...ผีโพงมันมีจริง”

ยายจันมองออกไปทางทุ่ง เห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ลอยขึ้นอีกครั้งอยู่ไกลๆ
เธอพึมพำเบาๆ “มันกลับมาอีกแล้ว...”

เสียงลมหนาวพัดผ่านหลังคา เสียงหมาเห่าขึ้นพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน
คืนนั้น ไม่มีใครในหมู่บ้านหลับสบายอีกเลย...

EP.2 ความลับของแสงไฟ

หลังคืนที่ลุงคงเจอผีโพง ทั้งหมู่บ้านก็แตกตื่นกันใหญ่ ลุงคงนอนซมไปหลายวัน พอถามว่าเห็นอะไร เขาก็ส่ายหน้า ไม่ยอมพูดอะไรเลย มีแต่พูดซ้ำๆ ว่า “อย่าไป...อย่าเข้าใกล้แสงไฟนั่น”

ยายจันพาพุดซ้อนไปทำบุญที่วัด บอกให้ถวายข้าวต้มมัดเผื่อผีโพงด้วย พุดซ้อนยังคงคิดไม่ตก เธออยากรู้ว่าผีโพงนั้นคืออะไรกันแน่ มันทำไมถึงไม่ทำร้ายเธอ ทั้งที่อยู่ใกล้ๆ ตอนคืนนั้น

ตกค่ำวันหนึ่ง พุดซ้อนนั่งอยู่หน้าบ้าน มองไปทางทุ่งนาอีกเหมือนเดิม ลมเย็นพัดมาจนได้ยินเสียงใบข้าวเสียดสีกัน เธอเห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ลอยขึ้นจากหนองน้ำ คราวนี้มันไม่หมุน ไม่วูบวาบ แต่ลอยนิ่งอยู่เฉยๆ

ใจพุดซ้อนเต้นแรง เธอตัดสินใจหยิบตะเกียงแล้วเดินออกไป เธอคิดในใจว่า ถ้ามันเป็นผีจริง ก็อยากรู้ว่ามันต้องการอะไร

พอเดินไปถึงหนองน้ำ เธอเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ในหมอกจางๆ เป็นหญิงสาวผมยาว ผิวขาวซีด ใส่ผ้าซิ่นเก่าๆ รอบตัวมีแสงไฟเรืองๆ เหมือนหิ่งห้อยพันตัว

พุดซ้อนยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว “อย่ากลัว ข้า...ไม่ทำร้ายใคร”
พุดซ้อนกลืนน้ำลายแล้วถาม “เจ้าเป็นผีโพงเหรอ”
หญิงคนนั้นยิ้มจางๆ “ใช่...แต่ข้าไม่อยากเป็นแบบนี้”

แสงรอบตัวเธอสั่นไหวเหมือนเปลวไฟกำลังดับ “ข้าถูกสาป...กลับบ้านไม่ได้ ต้องเร่ร่อนอยู่แบบนี้ทุกคืน”

พุดซ้อนถามต่อ “ทำไมเจ้าถึงถูกสาป”
หญิงสาวก้มหน้า “เมื่อก่อน...ข้าเป็นคนในหมู่บ้านนี้แหละ ถูกหาว่าขโมยของชาวบ้าน ทั้งที่ข้าไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครเชื่อ ข้าถูกขับไล่หนีเข้าป่า แล้วตายในหนองน้ำนี้ วิญญาณเลยไม่สงบ”

พุดซ้อนรู้สึกสงสารจับใจ เธอพนมมือ “ถ้างั้น ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ผีโพงมองเธอด้วยสายตาเศร้า “ถ้าเจ้าช่วยได้จริง...ให้หาของที่ข้าถูกใส่ร้ายมาคืน ข้าจะได้หลุดพ้น”

เสียงลมพัดแรงจนแสงรอบตัวผีโพงดับวูบ ร่างนั้นค่อยๆ หายไป เหลือแต่ความมืดและเสียงจิ้งหรีดร้อง

พุดซ้อนรีบกลับบ้าน เล่าให้ยายฟังทุกอย่าง ยายจันตกใจ “อย่าไปยุ่งเลยลูก ผีมันก็ผี ช่วยมันไปก็ไม่ดีหรอก”
แต่พุดซ้อนไม่ยอม เธอแน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรซ่อนอยู่

รุ่งเช้า เธอไปหาพ่อใหญ่บุญมา ผู้เฒ่าของหมู่บ้าน พ่อใหญ่ฟังแล้วพยักหน้า “อืม...ข้าจำได้ เรื่องหญิงคนนั้นเมื่อก่อน มีของชาวบ้านหาย แล้วเขาโดนกล่าวหาว่าขโมย แท้จริงข้าเคยสงสัยว่ามันไม่ใช่ฝีมือของนาง”

พุดซ้อนถามทันที “แล้วของที่ว่ามันคืออะไร”
พ่อใหญ่พูดช้าๆ “กำไลเงินของเมียลุงคง...ของมันหายตั้งแต่สมัยก่อน แล้วหญิงคนนั้นโดนไล่ตายไปจากเรื่องนั้นแหละ”

พุดซ้อนนิ่ง เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมผีโพงถึงยังวนเวียนอยู่แถวหนองน้ำ และทำไมลุงคงถึงกลัวไฟดวงนั้นจนตัวสั่น

ตกเย็น เธอยืนมองท้องฟ้าเปลี่ยนสี คิดในใจว่า คืนพรุ่งนี้ เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้

EP.3 แสงสุดท้าย

คืนนั้น ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงดาว ลมพัดแรงจนต้นไผ่ข้างบ้านเสียดสีกันเสียงดังหวิวๆ
พุดซ้อนนั่งอยู่ในห้อง เธอหยิบตะเกียงขึ้นมาจุดไฟเล็กๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง
“คืนนี้...ข้าจะจบเรื่องนี้ให้ได้”

เธอตัดสินใจเดินไปที่บ้านลุงคง เสียงหมาเห่าใส่ไม่หยุด ลุงคงนั่งอยู่หน้าบ้าน หน้าซีดเหมือนไม่ได้นอนมาหลายวัน
พุดซ้อนถามเสียงนิ่ง “ลุง...เรื่องกำไลเงินของเมียลุงเมื่อก่อน มันยังอยู่ไหม”
ลุงคงสะดุ้ง ตาโต “เอ็ง...รู้ได้ยังไง”

พุดซ้อนมองตรง “ผีโพงให้ข้ามาถาม ของนั่นไม่ใช่ของเจ้านั่นเหรอ ที่เจ้าขโมยไว้”
ลุงคงหน้าซีดเผือด “ไม่ใช่ ข้า...ข้าแค่จะยืม” เสียงเขาสั่น มือกำแน่น
“แต่เพราะของชิ้นนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตาย แล้ววิญญาณเขายังไม่ไปไหน ลุงจะไม่รู้สึกผิดเลยหรือ”

ลุงคงเริ่มร้องไห้ เขาลุกไปเปิดหีบไม้เก่าๆ แล้วหยิบกำไลเงินขึ้นมา มันขึ้นสนิมและดำคล้ำ
“เอาไป...เอาไปคืนให้มันเถอะ ข้าเห็นมันทุกคืนในฝัน มันยืนอยู่ข้างหนองน้ำ มองข้าด้วยตาแดงๆ”

พุดซ้อนรับของไว้ แล้วรีบวิ่งออกไปทางทุ่งนา ฝนเริ่มตกปรอยๆ ฟ้าแลบวาบทั่วฟ้า เธอกอดกำไลแน่นจนมือสั่น

หนองน้ำคืนนี้ดูต่างจากคืนก่อน น้ำขุ่นมัว ลมแรงจนน้ำเป็นคลื่น
พุดซ้อนตะโกน “ข้ามาแล้ว! ของของเจ้าข้าเอามาคืน!”

ทันใดนั้น แสงไฟดวงใหญ่ลอยขึ้นจากน้ำ สว่างจนแทบมองไม่เห็นอะไร รอบๆ มีเสียงเหมือนคนร้องไห้หลายเสียงปนกัน
ร่างหญิงสาวเรืองแสงปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอสวยและสง่างามกว่าเดิม ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
“เจ้าหามันเจอจริงๆ...ขอบใจนะ พุดซ้อน”

พุดซ้อนยื่นกำไลให้ “ของเจ้าคืนแล้วนะ ไปเถอะ ไปสู่ที่ดี”

หญิงสาวรับกำไลไว้ แสงรอบตัวเริ่มขาวสว่างจ้า ลมสงบลง เสียงฝนหยุด ร่างเธอค่อยๆ ลอยขึ้นกลางอากาศเหมือนเปลวไฟสีทอง แสงนั้นกระจายทั่วท้องนา เหมือนหมู่ดาวตกลงมาจากฟ้า

ยายจันที่ตื่นขึ้นมา เห็นท้องฟ้าเป็นแสงเรืองทั้งผืน ก็น้ำตาไหลเบาๆ
“ผีโพง...มันได้กลับบ้านแล้ว”

รุ่งเช้า ท้องนาเงียบสงบ มีเพียงกลิ่นหอมของดินเปียกฝน พุดซ้อนเดินออกมามองหนองน้ำ เห็นแสงหิ่งห้อยนับร้อยบินวนอยู่รอบๆ เหมือนแทนที่แสงผีโพงที่เคยมี

เธอหลับตา เหมือนได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ลอยมาตามลม
“ขอบใจนะ...แสงไฟของฉัน ได้กลับบ้านแล้ว”

พุดซ้อนยิ้ม แล้วหันกลับไปทางหมู่บ้าน
แสงแดดยามเช้าส่องลงบนทุ่งนา เงาเด็กหญิงตัวเล็กเดินตัดคันนาไปอย่างสงบ เหมือนทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น