ศาลแม่ตะเคียนทอง – EP.1 “เสียงเรียกจากต้นตะเคียน”
ศาลแม่ตะเคียนทอง – EP.2 “ความลับในคำสาป”
หลังคืนนั้น พิมพ์ยังจำฝันได้ชัดเจน
ภาพหญิงสาวในชุดผ้าแพรทองยังวนเวียนอยู่ในหัว
ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา มันเศร้าจนเธอรู้สึกเหมือนต้องช่วยอะไรบางอย่าง
เช้าวันนั้น เธอถามยายสำเนียงว่า
“ยาย ยายรู้เรื่องแม่ตะเคียนทองมั้ย ที่อยู่หลังวัดน่ะ”
ยายสำเนียงถอนหายใจยาว ก่อนพูดช้า ๆ
“รู้สิลูก... แม่ศรีทองคำ เขาเป็นคนจริง ๆ มาก่อน ไม่ใช่ผีมาตั้งแต่แรก”
พิมพ์ทำหน้างง
“ศรีทองคำ? ใครเหรอยาย”
ยายเล่าเสียงเบา เหมือนกลัวคนได้ยิน
“เมื่อร้อยปีก่อน มีหญิงสาวชื่อศรีทองคำ สวยนักหนา เป็นคนใจดี แต่โดนคนใส่ร้ายว่าขโมยของในวัด ทั้งที่ไม่ได้ทำ เขาเลยโดนลงโทษ ถูกมัดไว้กับต้นตะเคียนนั่น แล้วก็หายไปทั้งคน”
“หลังจากนั้นไม่นาน คนที่ใส่ร้ายเขาก็ตายกันแปลก ๆ ทีละคน”
“ตั้งแต่นั้น ชาวบ้านเลยตั้งศาลให้ เพื่อขอขมาวิญญาณแม่ตะเคียนทอง”
พิมพ์ฟังแล้วใจสั่น เพราะชื่อ “ศรีทองคำ” มันตรงกับเสียงที่เธอได้ยินในฝัน
เธอเริ่มมั่นใจ ว่าวิญญาณที่มาหาคือแม่ศรีทองคำนั่นแหละ
ตอนบ่าย พิมพ์เดินไปหาหมอชาญ คนแก่ในหมู่บ้านที่ชอบดูดวง
“หมอชาญคะ หนูอยากรู้เรื่องแม่ตะเคียนทอง”
หมอชาญมองหน้าแล้วพูดเสียงเรียบ
“หนูเห็นเขาแล้วใช่ไหม”
พิมพ์ตกใจ “รู้ได้ยังไงคะ?”
หมอชาญหัวเราะเบา ๆ
“ถ้าเขาเลือกจะให้เห็น แปลว่าเขาไว้ใจ แต่ก็แปลว่ามีเรื่องต้องสะสาง”
พิมพ์เล่าเรื่องความฝันให้ฟัง
หมอชาญนิ่งไปพักหนึ่งก่อนพูด
“แม่ศรีทองคำไม่ได้อยากทำร้ายใคร เขาแค่ต้องการให้ความจริงปรากฏ ว่าเขาไม่ผิด”
ระหว่างนั้น ผู้ใหญ่ชิดก็กำลังวางแผนจะตัดต้นตะเคียน
เขาสั่งคนเอาเครื่องจักรมาตั้งไว้ริมสระ
พอเครื่องติดปุ๊บ มันก็ดับปั๊บ เสียงมอเตอร์ดังแล้วหยุด เหมือนมีคนดึงสายไฟไว้
คนงานกลัว วิ่งหนีกระเจิงกันหมด
แต่ผู้ใหญ่ชิดยังไม่ยอม บอกเสียงดัง
“ผีบ้าผีบออะไร กูไม่กลัว!”
คืนนั้นเอง ไอ้ดล หนุ่มในหมู่บ้านที่เคยช่วยงานวัด ฝันเห็นหญิงผมยาวชุดทอง
เธอมองหน้าเขาแล้วพูดเบา ๆ
“อย่าล่วงเกินที่ของข้า...”
พอตื่นมา เหงื่อแตกเต็มตัว เสียงลมพัดแรงทั้งคืน
พิมพ์ได้ยินเรื่องจากไอ้ดลกับยายสำเนียง ก็เริ่มรู้ว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด
เธอไปค้นของเก่าในห้องยาย แล้วเจอรูปเก่าขาวดำ
ในรูปเป็นหญิงสาวผมยาว ใส่ชุดไทยเรียบ ๆ
ข้างใต้เขียนว่า “ศรีทองคำ”
พิมพ์จ้องรูปนั้นอยู่นาน แล้วใจสั่นอีกครั้ง
หญิงในรูปหน้าเหมือนผู้หญิงในฝันไม่มีผิด
พอเธอเอารูปให้ยายดู ยายหน้าซีด
“รูปนี้อยู่ในบ้านเราตั้งแต่รุ่นปู่ของเอ็ง...”
“หมายความว่ายังไงยาย?”
ยายพูดเสียงสั่น
“ปู่ของเอ็ง... คือหนึ่งในคนที่ใส่ร้ายแม่ศรีทองคำ”
พิมพ์ยืนนิ่ง เหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก
เธอไม่รู้ว่าความจริงนี้จะนำไปสู่อะไร
แต่เสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่างในคืนนั้น
กลับแฝงกลิ่นดอกจำปีหอมแรงขึ้นกว่าเดิม
แล้วเสียงผู้หญิงหวีผมเบา ๆ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ความจริง... มันยังไม่จบหรอกหนูพิมพ์...”
ศาลแม่ตะเคียนทอง – EP.3 “คำอธิษฐานของแม่ศรีทองคำ”
เช้าวันต่อมา หมู่บ้านหนองตะเคียนเริ่มไม่ปกติ
ลมพัดแรงตั้งแต่เช้ามืด ใบไม้ปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดคล้ำทั้งที่แดดยังไม่ขึ้น
พิมพ์รู้สึกได้ ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ผู้ใหญ่ชิดยังคงดื้อ เขาสั่งคนให้เริ่มตัดต้นตะเคียนทันที
เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ลั่นไปทั่ววัด
ชาวบ้านหลายคนไม่กล้าเข้าใกล้
ยายสำเนียงพึมพำเสียงเบา
“อย่าทำเลยลูก มันจะไม่ดี...”
แต่ไม่มีใครฟัง
ทันใดนั้น เสียงเครื่องตัดต้นไม้ดังแปลก ๆ แล้วก็หยุดลง
คนงานหงายหลังล้มกลิ้ง น้ำจากสระกระฉอกขึ้นมาราวกับมีคนเหวี่ยงน้ำแรง ๆ
ท้องฟ้ามืดลงในพริบตา เสียงฟ้าร้องดังจนพื้นสั่น
พิมพ์วิ่งมาถึงพอดี เห็นผู้ใหญ่ชิดยืนอยู่หน้าศาล
แสงสีทองวาบออกมาจากต้นตะเคียนราวกับเปลวไฟ
เธอร้องลั่น “หยุดนะผู้ใหญ่! อย่าทำอีกเลย!”
แต่ผู้ใหญ่ชิดไม่ฟัง ยกขวานขึ้นเตรียมฟัน
ทันใดนั้น... ลมแรงจัดจนต้นไม้ทั้งแถบเอนไปตามแรง
เสียงผู้หญิงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นทั่วทั้งลานวัด
เงาของหญิงสาวผมยาวในชุดทองค่อย ๆ ปรากฏตรงหน้าทุกคน
รอบตัวเธอมีแสงสีทองส่องเหมือนละอองฝุ่นในอากาศ
ใบหน้าเธอสวยสง่า แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า
“เจ้าลืมคำบรรพบุรุษไปแล้วหรือ... เจ้าชิด...”
เสียงนั้นดังพร้อมสายลมจนทุกคนคุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว
ผู้ใหญ่ชิดหน้าเสีย มือสั่น ขวานหล่นกระแทกพื้น
เขาตะโกนลั่น “ข้า... ข้าไม่รู้ ข้าแค่จะสร้างที่พัก มันไม่เกี่ยวกับข้า!”
แม่ศรีทองคำพูดช้า ๆ น้ำเสียงเยือกเย็น
“บรรพบุรุษของเจ้าคือคนที่ใส่ร้ายข้า... วิญญาณข้าถูกผูกไว้ที่นี่ ข้ารอวันหนึ่งที่ใครสักคนจะคืนความจริงให้”
พิมพ์รีบก้าวเข้ามา
“แม่ศรีทองคำ หนูรู้แล้วค่ะ หนูจะช่วย หนูจะทำให้ทุกคนรู้ความจริงเอง!”
เธอหันไปหาผู้ใหญ่ชิด
“คุณต้องยอมรับความผิดในอดีต ถึงแม้จะไม่ใช่คุณที่ทำ แต่คุณคือคนสืบเชื้อสาย คุณต้องขอขมา”
ผู้ใหญ่ชิดตัวสั่น น้ำตาไหล พนมมือไหว้
“ข้าผิด... ข้าขอขมา... ข้าขอโทษแทนคนในตระกูลข้า...”
ทันใดนั้น เสียงลมสงบลง
แสงทองรอบตัวแม่ศรีทองคำค่อย ๆ จางหาย
เธอยิ้มบาง ๆ มองหน้าพิมพ์
“ขอบใจนะลูก ที่เชื่อข้า...”
แล้วเธอก็หันไปมองต้นตะเคียน
“ตั้งแต่นี้... ข้าจะได้พักเสียที”
สายลมสุดท้ายพัดเบา ๆ กลีบดอกจำปีร่วงลงมาจากฟ้า ทั้งที่ไม่มีต้นจำปีอยู่เลย
เสียงหญิงหวีผมแผ่วเบาดังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเงียบหาย
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเปิด แสงแดดส่องเข้ามาทั่วหมู่บ้าน
ชาวบ้านช่วยกันบูรณะศาลแม่ตะเคียนทองใหม่ วางผ้าแพรสีทองและพวงมาลัยสดไว้เต็มศาล
ผู้ใหญ่ชิดเปลี่ยนไป กลายเป็นคนอ่อนน้อม ทำบุญทุกเดือน
ยายสำเนียงบอกพิมพ์ว่า
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วลูก แม่ศรีทองคำเขาได้ไปสู่ที่ดีแล้ว”
พิมพ์ยกมือไหว้ศาล มองแสงแดดที่สะท้อนผ้าแพรสีทอง
แต่ทันใดนั้น เธอได้กลิ่นดอกจำปีโชยมาเบา ๆ
เสียงหวีผมแผ่ว ๆ ดังขึ้นในสายลม
พร้อมเสียงผู้หญิงพูดเบา ๆ ข้างหู
“ข้าจะเฝ้าที่นี่... ตราบใดที่คนยังไม่ลืมข้า...”
ภาพสุดท้าย กล้องซูมออกจากศาล
แสงแดดสะท้อนศาลทองจนสว่างไปทั้งจอ
เสียงลมพัด... และเงาของหญิงสาวผมยาวค่อย ๆ ผ่านหน้ากล้อง

Social Plugin