ฟังเล่าเรื่องผี เรื่อง ผีเปรตที่วัดหลังเขา

 

ผีเปรตที่วัดหลังเขา

🧩 โครงเรื่อง 3 EP (พร้อมจุดพีค)


EP.1 – เงาแรกในป่าช้า

จุดเริ่มต้น:
วัดหลังเขาเป็นวัดเก่าแก่ ถูกลืมมาหลายสิบปี หลังจากเคยมีเหตุคนตายปริศนาในวัด
จนกระทั่งหลวงตาสายหยุดกับเณรนนท์มาบูรณะวัดใหม่

คืนแรก... เณรนนท์ได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากหลังเมรุ

“ขอ...น้ำ...หน่อย...”

เขาเห็นเงาผู้หญิงร่างสูงชะลูด มือยาวเกือบถึงพื้น ผิวดำไหม้ นัยน์ตาแดงก่ำ — เปรต!

ตอนแรกทุกคนคิดว่าเณรฝัน แต่หลวงตากลับนิ่งและพูดว่า

“มันยังไม่ไปอีกเหรอ...”

พีคตอนจบ EP1:
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่ววัดกลางคืน แก้วใจที่มาช่วยงานเห็นร่างเปรตสูงทะมึนโผล่จากป่าช้า — และมันเรียกชื่อพ่อของเธอ!


EP.2 – ความลับของกำนันพงษ์

เณรนนท์เริ่มสืบว่าผีเปรตคือใคร
ได้รู้จากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านว่า แม่คำ เคยเป็นสาวใช้ในบ้านกำนันรุ่นก่อน ถูกกล่าวหาว่าขโมยทองแล้วถูกลงโทษจนตายโดยไม่ทำพิธีศพ

หลวงตาสายหยุดสารภาพว่า

“ตอนข้ายังเป็นเณร ข้าก็อยู่ในเหตุคืนนั้น... แต่ไม่มีใครกล้าแก้กรรมให้มัน เพราะมันตายอย่างแค้น”

ในขณะที่ทุกคนพยายามทำพิธีอุทิศส่วนกุศล เปรตก็เริ่มอาละวาดรุนแรงขึ้น—เสียงโซ่ตรวน ดินสั่น เสาเมรุหัก

พีคตอนจบ EP2:
เณรนนท์เห็นภาพนิมิต—กำนันพงษ์คือคนที่เผาแม่คำทั้งเป็น!
และหลวงตาก็เป็นพระที่สวดให้ศพนั้น “ผิดบท” เพื่อผนึกวิญญาณไว้ในวัดหลังเขา!


EP.3 – ไถ่บาปแห่งวัดหลังเขา

กลางพายุใหญ่ คืนวันพระ
เปรตแม่คำโผล่จากป่าช้าอีกครั้ง ร่างใหญ่เท่าศาลา กรีดร้องจนต้นไม้หัก

เณรนนท์กับหลวงตาทำพิธี “เปิดผนึกกรรม”
กำนันพงษ์สารภาพต่อหน้าทุกคน ทั้งน้ำตา

“ข้าฆ่าเอง... แต่เพราะความกลัว... ข้าเลยฝังเรื่องนี้ไว้ใต้ดิน”

ดินที่เมรุกลับแตกออก มีโครงกระดูกหญิงสาวและเครื่องรางผนึกผีอยู่ข้างใน

เมื่อหลวงตาอ่านคาถาสุดท้าย เปรตเริ่มร้องไห้ เล็บยาว ๆ ค่อย ๆ หดลง ร่างค่อย ๆ เล็กลงจนกลายเป็นเงาหญิงสาวธรรมดา

แม่คำกล่าวลาเณรนนท์ว่า

“บุญของเอ็งส่งข้าได้... แต่กรรมของพวกเขาต้องชดใช้ต่อไป”

ฟ้าผ่าลงกลางวัด — เสียงเปรตเงียบหาย เหลือเพียงกลิ่นดอกไม้ธูปลอยอยู่ในอากาศ

ฉากจบ:
วัดหลังเขากลายเป็นวัดสงบอีกครั้ง
แต่ในโพรงไม้หลังเมรุ... เด็กวัดหมื่นพบ “แหวนทองเก่า” วางอยู่ —
กล้องแพนขึ้นสู่ฟ้า เสียงกระซิบแผ่วดังขึ้น

“ของข้า... ยังอยู่ตรงนั้น...”

– จบซีซัน –




EP.1 : เงาแรกในป่าช้า

เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดังวืด ๆ
ยามค่ำคืนที่วัดหลังเขา มันเงียบจนได้ยินเสียงจักจั่นร้องห่าง ๆ
วัดนี้เพิ่งมีคนกลับมาบูรณะ หลังจากร้างไปเป็นสิบ ๆ ปี

หลวงตาสายหยุด เป็นพระแก่ใจดี ท่านตั้งใจจะมาปรับปรุงวัดให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
มีก็แต่เณรนนท์ เด็กหนุ่มอายุแค่สิบแปดที่มาช่วยดูแลวัด
สองคนอยู่กันแค่ลำพัง ท่ามกลางป่าทึบ กับเสียงหมาเห่าโหยหวนตอนกลางคืน

เย็นวันนั้น เณรนนท์นั่งกวาดลานวัดอยู่คนเดียว
อยู่ ๆ ลมก็พัดแรงจนเศษใบไม้ปลิวว่อน
เขาเงยหน้ามองไปทางเมรุเก่าหลังวัด ที่ขึ้นตะไคร่เขียวเต็มไปหมด
ตรงนั้น เหมือนมีเงาคนยืนอยู่หลังต้นโพธิ์

เณรเพ่งตาดูดี ๆ เหมือนเป็นผู้หญิง ผมยาวรุงรัง ตัวสูงชะลูดผิดธรรมชาติ
แต่พอกะพริบตาอีกที...เงานั้นก็หายไป

คืนนั้น เณรนนท์นอนไม่หลับ ได้แต่พลิกตัวไปมาในกุฏิ
เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างดังแผ่ว ๆ
แล้วก็ได้ยินเสียง...
เสียงเหมือนคนครางเบา ๆ อยู่ข้างนอก

“ขอ...น้ำ...หน่อย...”

เสียงนั้นแหบแห้ง เหมือนคนคอไหม้ เสียงมันสั่นจนขนลุกทั้งตัว
เณรนนท์นั่งพรวดขึ้นมาจากที่นอน ใจเต้นแรง
พอเงี่ยหูฟังอีกที ก็ไม่มีเสียงอะไรแล้ว มีแต่เสียงหมาเห่าหอนจากท้ายวัด

รุ่งเช้า เณรรีบไปเล่าให้หลวงตาฟัง
หลวงตาแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“อย่าไปใส่ใจลูกเอ๊ย วัดเก่ามันก็มีของเก่าของมัน”

คำพูดนั้นยิ่งทำให้เณรนนท์สงสัย
ระหว่างที่เดินไปหลังวัด เขาเห็นรอยเท้าใหญ่ ๆ ลึกลงในดิน เหมือนคนตัวยักษ์เหยียบไว้
รอยเท้านั้นไปหยุดอยู่ตรงหน้าเมรุ... แล้วก็หายไป

วันต่อมา แก้วใจ ลูกสาวกำนันพงษ์ มาช่วยทำความสะอาดวัด
เณรนนท์เลยเล่าเรื่องเสียงเมื่อคืนให้ฟัง
แก้วใจหัวเราะ บอกว่า “อย่าบอกนะว่าเณรกลัวผี”
เณรตอบว่า “ไม่ได้กลัว...แต่เสียงแบบนั้น มันไม่ใช่เสียงคนแน่ ๆ”

ตกเย็น ขณะที่ทั้งคู่กวาดใบไม้หลังเมรุ
จู่ ๆ ก็มีลมพัดวูบแรงจนฝุ่นปลิวพรึ่บ
เสียงเหมือนคนครางแผ่ว ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง

“ขอ...น้ำ...หน่อย...”

แก้วใจหันขวับไปทางเสียง
แล้วก็เห็นมัน...

ร่างผู้หญิงผิวดำไหม้ ตัวสูงจนหัวเกือบชนกิ่งไม้
แขนยาวเกือบถึงพื้น ปากแหกกว้างจนถึงหู
ตาแดงก่ำมองตรงมาที่ทั้งสองคน

แก้วใจร้องลั่น เณรนนท์พยายามจะท่องคาถา แต่เสียงมันสั่นจนพูดไม่ออก
ร่างนั้นค่อย ๆ ยื่นมือมาทางพวกเขา พร้อมเสียงครางต่ำ ๆ

“คืนของข้า...มา...”

พริบตานั้นเอง หลวงตาสายหยุดถือไม้เท้าเดินออกมาจากศาลา
ท่านพนมมือ หลับตา แล้วสวดคาถาเสียงดังลั่น

“นะโม ตัสสะ...”

เสียงแผดร้องของผีเปรตดังลั่นจนใบไม้ร่วงพราว
ร่างนั้นค่อย ๆ จางหายไปกลางลมเย็น

แก้วใจหน้าซีด เณรนนท์ยืนตัวสั่น
หลวงตาเปิดตาช้า ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“มันยังไม่ไป...มันยังค้างอยู่ที่นี่...เพราะกรรมของคนในหมู่บ้านนี้ยังไม่หมด...”

เสียงลมเงียบกริบ เหมือนทั้งวัดหยุดหายใจ

และนั่น...คือคืนแรก ที่ผีเปรตแห่งวัดหลังเขา ปรากฏตัว

EP.2 : ความลับของกำนันพงษ์

เช้าวันต่อมา
วัดหลังเขาเงียบผิดปกติ
แม้แต่พวกนกที่ชอบมาเกาะต้นโพธิ์ก็ไม่กล้าร้อง

แก้วใจยังหน้าซีด หลังจากเมื่อคืนเห็นกับตา
เณรนนท์ก็นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา
แต่ในหัวเขายังได้ยินเสียงแผ่ว ๆ วนเวียนอยู่ตลอด
เสียงร้องคืนนั้น... “คืนของข้า...มา...”

ระหว่างกินข้าวเช้า หลวงตาสายหยุดพูดขึ้นเบา ๆ
“มันเรียกชื่อใครเมื่อคืน พอจำได้มั้ย”
เณรนนท์กับแก้วใจมองหน้ากัน
แก้วใจพูดเสียงสั่น “มัน...มันเรียกชื่อพ่อฉันเจ้าค่ะ หลวงตา มันพูดว่า... พงษ์”

หลวงตานิ่งไปพักใหญ่ สีหน้าท่านเหมือนคนที่รู้อะไรอยู่แล้ว
“อืม...” ท่านพูดช้า ๆ “ถึงเวลาที่ความจริงมันจะโผล่ขึ้นมาแล้วล่ะ...”

เณรนนท์งง
“หลวงตารู้อะไรหรือครับ”

หลวงตาไม่ตอบ แต่เดินไปหยุดตรงหน้าเมรุเก่า
ท่านมองไปที่พื้น แล้วเอ่ยเบา ๆ เหมือนพูดกับใครที่มองไม่เห็น
“ข้าขอโทษ... ข้าไม่คิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้...”

ตอนนั้นเอง ลมแรงพัดวูบขึ้นจากด้านหลัง
กลิ่นเหม็นไหม้โชยมา พร้อมเสียงเหมือนโซ่เหล็กขูดพื้น

แก้วใจสะดุ้งสุดตัว
เณรนนท์รีบสวดคาถาในใจ
แต่หลวงตายกมือห้าม แล้วพูดเสียงนิ่ง “อย่าสวด มันไม่ใช่เวลานี้”

พอตกเย็น เณรนนท์กับแก้วใจลงไปที่หมู่บ้าน
ตั้งใจจะถามคนเฒ่าคนแก่ เกี่ยวกับเรื่องของพ่อแก้วใจ
จนไปเจอ “ยายแสง” แม่เฒ่าคนหนึ่ง ที่เล่าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม

“สมัยก่อนนะลูก วัดหลังเขานั่นเคยมีคนตายทั้งเป็น
ชื่อแม่คำ... เป็นคนใช้บ้านกำนันรุ่นเก่า
เขาหาว่านางขโมยทองของเมียกำนัน
ก็เลยจับเผาทั้งเป็น แล้วฝังไว้หลังวัดนั่นแหละ”

เณรนนท์ฟังแล้วเย็นวาบไปทั้งตัว
แก้วใจน้ำตาคลอ “แล้วกำนันคนนั้น...”
ยายแสงถอนหายใจ “ก็พ่อเอ็งนั่นแหละลูก... คนเดิมนั่นแหละ”

ทั้งคู่กลับมาวัดตอนค่ำ
หลวงตาสายหยุดนั่งหลับตาอยู่หน้าโบสถ์
พอเห็นทั้งสองคน ท่านก็พูดขึ้นก่อนเลยว่า
“รู้แล้วสินะ ว่ามันเป็นใคร...”

เณรนนท์พนมมือ “หลวงตา ท่านรู้ตั้งแต่แรกใช่มั้ยครับ ว่าผีเปรตนี่คือแม่คำ”
หลวงตาเปิดตาขึ้นช้า ๆ
“ข้ารู้... ข้าอยู่ในคืนนั้นด้วย”

เณรนนท์ตกใจ “ท่านหมายความว่ายังไงครับ”

หลวงตาเล่าเสียงสั่น “ตอนนั้นข้ายังเป็นเณรใหม่ กำนันพงษ์เป็นคนสั่งให้เผาแม่คำ
เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นต้องคำสาป ข้าถูกบังคับให้สวดให้เธอตายดี
แต่ตอนสวด ข้ากลับสวดผิดบท... บทนั้นเป็นบทผนึกวิญญาณ
แทนที่จะส่งไปเกิด กลับกักเธอไว้ในวัดนี้ตลอดกาล”

เณรนนท์กับแก้วใจเงียบสนิท
เสียงลมเริ่มแรงขึ้นอีกครั้ง เหมือนฟ้าจะร้อง

หลวงตาพูดต่อ
“คืนนี้ถ้าฝนตก มันจะออกมาอีก...
เพราะไฟในอกมันยังไม่ดับ และคนที่มันต้องการเจอ...ก็คือพ่อของเอ็ง แก้วใจ”

คืนนั้นเอง ฟ้าแลบแปลบปลาบ
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น
หมาเห่าแทบทั้งหมู่บ้าน

หลวงตา จุดธูปสามดอกแล้วปักไว้หน้าเมรุ
“คืนนี้...อย่าให้ใครเข้ามาใกล้”

แต่เณรนนท์กับแก้วใจไม่เชื่อ พวกเขาแอบอยู่หลังศาลา คอยมองดู

สายฝนเริ่มโปรยลงช้า ๆ
เสียงโซ่ขูดพื้นดังแกรก ๆ
กลิ่นควันไหม้แรงขึ้นทุกที

แล้วร่างนั้น...ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สูงกว่าครั้งก่อน ตัวดำสนิท มือยาวลากพื้น
เสียงร้องสะท้อนไปทั้งวัด

“พงษ์... คืนของข้า...มา...”

หลวงตาหลับตาแน่น สวดคาถาเสียงดังลั่น
แต่คราวนี้ผีเปรตไม่ถอย มันหันขวับมาทางศาลา
ตาแดงก่ำจ้องไปทางที่แก้วใจกับเณรนนท์หลบอยู่

“ลูกมัน...อยู่ที่นี่...”

เสียงหัวเราะแหบ ๆ ดังขึ้น พร้อมกลิ่นเหม็นไหม้แรงจนหายใจแทบไม่ได้

แสงฟ้าแลบสว่างวาบ
หลวงตากล่าวเสียงแข็ง “หยุดเดี๋ยวนี้!”
แล้วตวัดไม้เท้าลงพื้นดัง “ปั้ก!”

เสียงกรีดร้องของเปรตดังลั่นจนต้นโพธิ์ทั้งต้นสั่นสะเทือน
แล้วทุกอย่างก็เงียบลง

เหลือเพียงเสียงฝนตกพรำ ๆ กับธูปที่ดับคากลางสายลม

แก้วใจร้องไห้สะอื้น
เณรนนท์ยืนอึ้ง
หลวงตาหันมาพูดเบา ๆ

“มันไม่จบ... จนกว่าคนที่ทำจะยอมสารภาพ...”

ภาพตัดมาที่บ้านกำนันพงษ์
เขานั่งอยู่ในความมืด
เสียงลมหวิวพัดลอดหน้าต่าง
แล้วมีเสียงผู้หญิงแผ่ว ๆ ดังขึ้นใกล้หู

“พงษ์... คืนของข้า...ยังอยู่...”

ไฟในห้องกระพริบแวบเดียวก่อนดับมืดสนิท

EP.3 : ไถ่บาปแห่งวัดหลังเขา

คืนนั้น ฝนตกหนักตั้งแต่หัวค่ำ
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นทั่วทั้งหุบเขา
ต้นไม้เอนไหวเหมือนจะหัก ลมพัดแรงจนหลังคาศาลาแทบปลิว

ที่กุฏิหลวงตา สายไฟดับสนิท มีแต่แสงเทียนริบหรี่
เณรนนท์นั่งกอดแขนตัวเองแน่น แก้วใจนั่งนิ่งไม่พูดจา
เธอเพิ่งกลับมาจากบ้าน เห็นพ่อของตัวเองนั่งเหม่อในความมืด เหมือนคนไม่มีสติ

เณรพูดเสียงเบา “หลวงตา... ผีมันจะมาอีกมั้ยครับคืนนี้”
หลวงตาหลับตา แล้วตอบช้า ๆ
“คืนนี้มันจะไม่แค่ ‘มา’ หรอกลูก... แต่มันจะมาเอาคืน”

เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง!
ทั้งวัดสั่นสะเทือน ดินที่หน้าเมรุแยกออกเหมือนมีอะไรข้างในกำลังดันขึ้นมา

ทันใดนั้น ประตูวัดเปิดออกเองทั้งที่ไม่มีลม
กำนันพงษ์เดินเข้ามาเปียกฝนทั้งตัว
หน้าท่านซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนอดนอนหลายวัน

“ข้า...ทนไม่ไหวแล้ว หลวงตา... ข้าฝันถึงมันทุกคืน มันตามหลอก ข้าต้องสารภาพ”

หลวงตาพยักหน้า “พูดออกมาเถิด...คืนนี้อาจยังพอมีโอกาสไถ่บาป”

เสียงฟ้าร้องอีกครั้ง
กำนันพงษ์ทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก
“ข้าทำมันเอง ข้าเป็นคนสั่งให้เผาแม่คำทั้งเป็น... ข้ากลัวเมียจะรู้ว่าข้ามีอะไรกับนาง ข้าเลยใส่ร้ายว่าเธอขโมยทอง แล้วจับเผา!”

เณรนนท์กับแก้วใจตกใจสุดขีด
แก้วใจร้องไห้โฮ “พ่อ! ทำไมต้องทำแบบนั้น!”

ทันใดนั้น... เสียงโซ่เหล็กดังขึ้นจากใต้ดิน
พื้นดินหน้าเมรุแตกออก
ร่างเปรตแม่คำโผล่ขึ้นมาช้า ๆ ท่ามกลางสายฝน
ตัวมันใหญ่เท่าศาลา แขนยาวลากพื้น ตาแดงวาบในความมืด

เสียงมันดังต่ำสะท้อนก้อง
“พงษ์... เจ้าจำข้าได้มั้ย...”

กำนันพงษ์พนมมือไหว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ข้า...ข้าขอโทษแม่คำ ข้าผิดเอง ข้ากลัว... ข้าขอโอกาส...”

เปรตมองนิ่ง ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ
“คำขอโทษ... มันไม่พาใครกลับมาได้หรอก...”

หลวงตารีบสวดบทเปิดผนึก
เสียงคาถาดังแข่งกับเสียงฟ้าร้อง
“นะโม ตัสสะ ภควโต...”

ลมแรงจัดจนเทียนดับหมด เณรนนท์รีบช่วยสวดต่อ
มือทั้งสองของเขาสั่น แต่ยังไม่หยุดสวด

เปรตเริ่มกรีดร้อง เสียงดังจนใบไม้ร่วงเป็นฝน
ร่างมันค่อย ๆ ละลายจากดำไหม้กลายเป็นควันสีเทา
กลางควันนั้น ปรากฏเป็นหญิงสาวสวยในชุดขาว น้ำตาไหลเต็มหน้า

เธอมองกำนันพงษ์ แล้วพูดเสียงแผ่ว
“เจ้าทำร้ายข้าเพราะความกลัว... ข้าให้อภัย... แต่เจ้าต้องชดใช้กรรมของตัวเอง...”

เธอหันมาทางหลวงตา
“ท่านพระ... บทที่ท่านสวดผิดเมื่อก่อน วันนี้ท่านสวดถูกแล้ว... ข้าจะไปแล้ว...”

พูดจบ ร่างหญิงสาวยิ้มบาง ๆ
แสงวาบสว่างขึ้นทั่วทั้งวัด
ฟ้าผ่าลงกลางเมรุเสียงสนั่น

ทุกอย่างเงียบ... ฝนหยุดตกกะทันหัน

หลวงตาลืมตาช้า ๆ แล้วพูดเบา ๆ
“จบแล้ว... วิญญาณแม่คำไปสู่ที่ของเขาแล้ว...”

กำนันพงษ์ทรุดตัวลงร้องไห้ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
แก้วใจเข้าไปกอดพ่อแน่น ส่วนเณรนนท์ก็ถอนหายใจยาว

เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน
เสียงนกกลับมาร้องอีกครั้ง
หลวงตากับเณรนนท์ช่วยกันเก็บเศษไม้เศษใบหลังวัด
แต่ขณะที่เณรเดินไปเก็บกวาดหลังเมรุ เขาก็เห็นบางอย่างในโพรงไม้

มันคือ “แหวนทองเก่า” วางอยู่ตรงนั้น
ข้างในสลักชื่อว่า “คำ”

เณรนนท์ยิ้มบาง ๆ แล้วหยิบขึ้นมาพนมมือ
“ขอให้ไปสู่สุขคตินะโยม”

ลมเย็นพัดผ่านเบา ๆ เหมือนเสียงผู้หญิงกระซิบ
“ขอบใจ...เณร...”

กล้องค่อย ๆ แพนขึ้นฟ้า เสียงระฆังวัดดัง “ก๊ง...”
วัดหลังเขากลับมาสงบอีกครั้ง

แต่ในเงามืดของโพรงไม้หลังเมรุ
มีเสียงแผ่วเบา... เหมือนเสียงลมหายใจ

“ของข้า...ยังอยู่...”

ไฟฉายดับวูบ
เสียงกลองเพลดังปังสุดท้าย แล้วทุกอย่างก็ตัดเงียบ

จบซีซัน — ผีเปรตที่วัดหลังเขา



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น