🥁 ชื่อเรื่อง: เสียงกลองเพลจากวัดร้าง
แนวเรื่อง:
ลึกลับ–สยองขวัญ–ดราม่าประวัติศาสตร์ไทย
กลิ่นอาย “The Conjuring + นางนาก + Indiana Jones”
🌕 ตัวละครหลัก
- ครูมนัส – ครูประวัติศาสตร์วัย 40 ปี ที่เชื่อในเหตุผล วิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องผี
- แป้ง – นักเรียนหญิงชั้น ม.6 อายุ 18 ปี ฉลาด กล้าหาญ มีสัมผัสพิเศษ “ได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน”
- หลวงพ่อขันธ์ – พระแก่จากวัดใกล้ๆ ที่รู้ความลับของวัดร้างและ “กลองเพลต้องสาป”
- จ่าสมบัติ – ตำรวจเกษียณ ที่เคยสืบเรื่องการหายตัวของคนในหมู่บ้านเมื่อ 30 ปีก่อน
- วิญญาณหลวงพ่อแสง – เจ้าอาวาสวัดร้างในอดีต ผู้เคยตีกลองเพลครั้งสุดท้ายก่อนวัดจะถูกเผา
📖 โครงเรื่อง 3 EP.
EP.1: เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน
- หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดสุพรรณฯ มีวัดร้างชื่อ “วัดโพธิ์ทองลับ”
- ทุกวันเพ็ญ จะมี เสียงกลองเพลดังมาจากวัดร้าง ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น
- ครูมนัสพาเด็กนักเรียนมาทำโครงงานประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวัดนี้ โดยมี “แป้ง” เป็นหัวหน้ากลุ่ม
- คืนแรกที่ไปสำรวจ — แป้งได้ยินเสียงกลอง และเสียงสวดมนต์แผ่วเบา ขณะที่ครูมนัสไม่ได้ยินอะไรเลย
- พอรุ่งเช้า พบ “รอยเท้าพระ” ลากยาวออกมาจากศาลาวัด ทั้งที่ไม่มีใครเข้าไป
- จบตอนด้วยภาพ “เงาพระตีกลอง” บนฝาผนังศาลาที่พังไปครึ่งหลัง พร้อมเสียงกลองดังขึ้น... ตุ้ม...ตุ้ม...ตุ้ม...
EP.2: กลองเพลต้องสาป
- ครูมนัสไปสอบถาม “หลวงพ่อขันธ์” ได้รู้ว่าวัดร้างนี้ถูกไฟไหม้เมื่อ 50 ปีก่อน และมีพระกับชาวบ้านเสียชีวิตจำนวนมาก
- เล่าลือว่า กลองเพลที่วัดนั้น “ไม่ควรถูกตีในเวลาค่ำคืน” เพราะมันผูกคำสาปจากการสังหารหมู่ในอดีต
- แป้งเริ่มเห็นภาพนิมิต — พระหนุ่มตีกลองในคืนที่วัดลุกเป็นไฟ มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังสนั่น
- จ่าสมบัติเปิดเผยว่าเคยมีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งหายตัวไปเมื่อ 30 ปีก่อน หลังเข้าไปพิสูจน์เสียงกลองเพล
- คืนนั้น แป้งได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอจากวัด และถูก “เงาของพระ” ดึงเข้าไปในมิติอดีต —
- เธอเห็นเหตุการณ์จริงในคืนไฟไหม้!
- ตอนจบ: แป้งหายตัวไป เหลือเพียงกลองเพลที่เปื้อนเลือดอยู่กลางศาลา...
EP.3: เสียงสุดท้ายของศรัทธา
- ครูมนัสและจ่าสมบัติร่วมมือกับหลวงพ่อขันธ์เพื่อช่วยแป้ง
- พวกเขาพบว่า วิญญาณหลวงพ่อแสง ไม่ได้ต้องการฆ่าใคร แต่ต้องการ “ให้คนสืบสานศรัทธา”
- แป้งถูกขังในอดีต เห็นว่าความจริงคือ วัดถูกเผาเพราะคนโลภในหมู่บ้าน แอบขายของเก่าพระพุทธรูป
- หลวงพ่อแสงพยายามตีกลองเตือนชาวบ้านหนีไฟ แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าตีเพราะสาปแช่ง
- ครูมนัสจุดธูปบูชาและตีกลองครั้งสุดท้ายแทนหลวงพ่อ — ปลดปล่อยวิญญาณทั้งหมด
- เสียงกลองดังสุดท้าย “ตุ้ม...ตุ้ม...ตุ้ม...” แล้วทุกอย่างก็เงียบ
- เช้าวันใหม่ วัดร้างกลับมามีแสงอรุณลอดใบโพธิ์ แป้งฟื้นขึ้นจากอาการสลบในศาลา
- ครูมนัสเขียนหนังสือชื่อ “เสียงกลองเพลจากวัดร้าง” เพื่อบอกเล่าความจริง และตั้งใจจะบูรณะวัดให้กลับมาเป็นศูนย์กลางศรัทธาอีกครั้ง
EP.1 – เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน
กลางทุ่งนาในอำเภอเล็กๆ จังหวัดสุพรรณ มีหมู่บ้านชื่อบ้านโพธิ์ทอง หมู่บ้านนี้เงียบสงบแทบไม่มีใครมาจากข้างนอก ถนนฝุ่นสีแดงทอดยาวไปจนสุดทาง มีต้นโพธิ์ใหญ่ตั้งอยู่ตรงทางแยก และหลังต้นโพธิ์นั่นแหละคือวัดร้าง วัดโพธิ์ทองลับ
ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าวัดผี เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เขาว่ากันว่า ตอนกลางคืนบางคืน โดยเฉพาะคืนวันพระ จะได้ยินเสียงกลองเพลดังมาจากในวัด ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น เสียงมันดังเป็นจังหวะช้าๆ หนักๆ เหมือนมีใครกำลังตีอยู่จริงๆ
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
เด็กในหมู่บ้านบางคนเคยลองไปพิสูจน์ แต่กลับไม่เจออะไรเลย มีแต่กลิ่นควันไฟเก่าๆ เหมือนไม้ไหม้ กับลมเย็นที่พัดมาจากในศาลา
จนวันหนึ่ง ครูมนัส ครูประวัติศาสตร์จากโรงเรียนมัธยมในอำเภอ ได้พาเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งมาทำโครงงานชื่อว่า “วัดเก่าในท้องถิ่น” แป้ง เด็กสาวหัวดีในห้อง เป็นคนเสนอให้เลือกวัดโพธิ์ทองลับ เพราะเธอบอกว่าอยากรู้ว่าทำไมวัดนี้ถึงถูกทิ้งไว้แบบนั้น
วันแรกที่พวกเขาเดินเข้าไป วัดเงียบมาก เงียบจนได้ยินเสียงหญ้าแห้งกรอบๆ ใต้เท้า ศาลาวัดเหลือแค่เสาครึ่งหลัง หลังคาพังจนเห็นฟ้า พระประธานในโบสถ์ยังคงตั้งอยู่ แต่หน้าพระมีรอยไหม้ดำๆ เหมือนเคยโดนไฟ
ครูมนัสบอกกับเด็กๆ ว่า อย่าไปเชื่อเรื่องผี เรื่องเสียงกลองอะไรพวกนั้น วัดนี้คงแค่เก่าจนลมพัดแล้วเสียงมันก้อง แต่แป้งกลับยืนนิ่ง เหมือนกำลังฟังอะไรบางอย่าง
เธอพูดเบาๆ ว่า “ครู... หนูได้ยินเสียงกลอง...”
ครูมนัสหัวเราะ “ไม่มีหรอกแป้ง เสียงรถไถในทุ่งนานั่นแหละ”
แต่แป้งยืนยันว่า เสียงนั้นมาจากในศาลาแน่ๆ เป็นเสียงกลองจังหวะช้าๆ
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
ตกเย็นก่อนกลับ แป้งแอบเดินวนรอบวัดอีกครั้ง เห็นรอยเท้าพระ ลากยาวออกมาจากศาลาไปจนถึงต้นโพธิ์ใหญ่ แต่พอมองไป ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย
คืนนั้น แป้งฝันเห็นพระรูปหนึ่ง หน้าดำคล้ำ เสื้อผ้าไหม้เกรียม มือยังถือไม้ตีกลอง ท่านมองมาที่เธอ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า “อย่าให้เสียงนี้เงียบ... อย่าให้ศรัทธาหาย...”
เช้าวันต่อมา ครูมนัสกลับมาที่วัดอีกครั้งเพราะอยากถ่ายรูปเพิ่ม แต่เมื่อเปิดประตูศาลาเข้าไป กลับเห็นเงาพระรูปหนึ่งบนฝาผนังศาลา ทั้งที่ในศาลาไม่มีใครเลย
เสียงกลองดังขึ้นเบาๆ จากข้างใน
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
แป้งยืนอยู่หน้าศาลา น้ำตาคลอเบ้า เธอพูดเบาๆ เหมือนตอบใครบางคนว่า “หนูได้ยินแล้วหลวงพ่อ...”
เสียงกลองดังขึ้นแรงกว่าเดิม
ตุ้ม... ตุ้ม!... ตุ้ม!!...
ภาพสุดท้ายก่อนตัดจบตอนคือเงาของพระกำลังตีกลองอยู่บนผนังศาลาที่พังครึ่งหลัง ลมพัดแรงจนธงเก่าหน้าศาลาปลิวกระพือ และเสียงกลองเพลยังคงดังไม่หยุด...
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
EP.2 – กลองเพลต้องสาป
หลังจากวันนั้น ครูมนัสก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครตามมองอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่กลับมาจากวัดโพธิ์ทองลับ เสียงกลองที่แป้งได้ยินวันนั้น... ครูเองก็เริ่มได้ยินเบาๆ ตอนกลางคืน
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
บางคืนเสียงมันดังมาจากในห้องเรียน
บางคืนเหมือนมาจากใต้ถุนบ้าน
ตอนแรกครูคิดว่าคงหูแว่ว
แต่พอเจอแป้งในเช้าวันถัดมา เธอหน้าซีด ตัวเย็น แล้วพูดว่า
“ครู... เมื่อคืนหนูก็ได้ยินอีกแล้ว เสียงมันมาใกล้มาก เหมือนอยู่หน้าประตูห้องหนูเลย...”
ครูมนัสเริ่มไม่สบายใจ เขาเลยไปถามหลวงพ่อขันธ์ พระแก่จากวัดใกล้ๆ ที่ชาวบ้านนับถือ
หลวงพ่อฟังแล้วเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนพูดเสียงเบา
“โยมรู้มั้ย... วัดโพธิ์ทองลับน่ะ เคยมีพระตายทั้งวัด”
ครูมนัสตกใจ
“ตายทั้งวัด? ทำไมล่ะครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อถอนหายใจ
“เมื่อห้าสิบปีก่อน วัดนั้นถูกไฟไหม้กลางคืน พระกับชาวบ้านหลายสิบคนติดอยู่ข้างใน ไม่มีใครรอดเลย
คนเขาว่าไฟมันเกิดเอง แต่บางคนก็ว่า... มีคนไปขโมยพระพุทธรูปทองคำของวัด
หลวงพ่อเจ้าอาวาสตอนนั้นชื่อหลวงพ่อแสง ท่านตีกลองเพลเตือนคนให้หนี
แต่กลับไม่มีใครเชื่อ คิดว่าท่านสาปแช่ง เพราะตีตอนกลางคืน”
“หลังคืนนั้น กลองเพลของวัดก็กลายเป็นของต้องสาป ใครไปแตะมันตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงเรียก... แล้วจะหายไป”
ครูมนัสฟังแล้วขนลุกซู่ เขาไม่เชื่อเรื่องผี แต่เรื่องนี้มันเริ่มแปลกเกินจะอธิบายด้วยเหตุผล
เย็นวันนั้น ครูมนัสกับแป้งตัดสินใจกลับไปที่วัดอีกครั้ง
คราวนี้พวกเขาพบจ่าสมบัติ ตำรวจเกษียณที่มานั่งสูบบุหรี่ข้างต้นโพธิ์ใหญ่
จ่าสมบัติพูดขึ้นโดยไม่หันมามอง
“มาหาเสียงกลองเหรอ... คราวที่แล้วก็มีเด็กนักเรียนมาฟังเสียงนี่แหละ แล้วก็ไม่กลับบ้านอีกเลย”
แป้งถามเสียงเบา
“หายไปเลยเหรอจ่าลุง?”
“เออ หายไปทั้งกลุ่ม เหลือแต่รองเท้า กับกระเป๋านักเรียนอยู่ในศาลา”
ลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามา กลิ่นควันไม้เก่าลอยอ้อยอิ่งในอากาศ
พอเข้าไปในศาลา ครูมนัสเห็นกลองเพลเก่าๆ ตั้งอยู่ตรงกลาง กลองนั้นดำเหมือนโดนไฟเผา แต่ยังแน่น เหมือนเพิ่งทำไม่นาน
แป้งยืนนิ่ง เหมือนถูกสะกด เธอพูดเสียงสั่น
“ครู... ท่านอยู่ตรงนั้น...”
เธอชี้ไปที่มุมศาลา ที่ซึ่งเงาของพระรูปหนึ่งยืนอยู่ มือจับไม้ตีกลองช้าๆ
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
ครูมนัสหันไป แต่ไม่เห็นใคร
พอหันกลับมา แป้งหายไปแล้ว เหลือแต่เสียงกลองดังลั่นศาลา
ตุ้ม... ตุ้ม!!... ตุ้ม!!!
ครูวิ่งหาทั่ววัด ตะโกนเรียกชื่อแป้ง เสียงสะท้อนกลับมาก้องในความมืด
แต่ไม่มีคำตอบ มีแค่เสียงกลองที่ดังช้าลงเหมือนหมดแรง
ตุ้ม... ตุ้ม...
แล้วเงียบ...
ครูมนัสมองไปที่กลอง เห็นคราบเลือดจางๆ ติดอยู่ตรงขอบไม้
เขายื่นมือไปแตะ แล้วเหมือนถูกแรงบางอย่างดึงร่างกระชากเข้าไปในความมืด
ภาพสุดท้ายก่อนหมดสติ คือพระรูปนั้นยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยไฟ
และเสียงท่านดังขึ้นในหัว...
“อย่าให้เสียงนี้เงียบ... ศรัทธายังไม่จบ...”
เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง...
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
EP.3 – เสียงสุดท้ายของศรัทธา
ครูมนัสฟื้นขึ้นมาในที่ที่ไม่คุ้นตา
รอบตัวเป็นวัดเก่าเหมือนเดิม แต่ทุกอย่างกลับดูใหม่
ศาลาไม่พัง หลังคายังอยู่ดี เสียงสวดมนต์ดังมาจากกุฏิข้างๆ
กลิ่นธูปหอมจางๆ ลอยมาตามลม
เขามองไปรอบๆ แล้วเห็นคนแต่งชุดชาวบ้านเดินขวักไขว่
บางคนหาบของ บางคนยกขันน้ำ แต่ไม่มีใครมองเห็นเขาเลย
ครูมนัสเริ่มรู้ว่า… เขาไม่ได้อยู่ในเวลาปัจจุบันแล้ว
เขาอยู่ในคืนที่วัดโพธิ์ทองลับยังมีชีวิตอยู่
แล้วเขาก็เห็นแป้ง
เธอยืนอยู่หน้าศาลา ใส่ชุดเหมือนคนโบราณ หน้าซีดเหมือนคนฝัน
แป้งมองเห็นเขาแล้วรีบวิ่งเข้ามา
“ครู... เรากลับมาในคืนไฟไหม้...”
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงกลองเพลดังขึ้นจากในศาลา
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
ครูมนัสกับแป้งหันไป เห็นหลวงพ่อแสงกำลังตีกลองด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ด้านหลังศาลามีไฟลุกโชน ลามไปทั่วหลังคา
เสียงชาวบ้านร้องโวยวาย วิ่งหนีไฟกันจ้าละหวั่น
หลวงพ่อแสงตะโกน
“อย่าหนีศรัทธา! อย่าทิ้งวัดนี้ไว้กับไฟ!”
แต่ไม่มีใครฟัง ทุกคนคิดว่าท่านบ้า
มีบางคนตะโกนด่าท่านว่าเป็นคนสาปแช่งหมู่บ้าน
แล้วมีชายคนหนึ่งขว้างคบเพลิงใส่ศาลา กลองเพลล้มดัง “โครม!”
ไฟลุกเต็มตัวหลวงพ่อแสง แต่ท่านยังตีกลองต่อไป
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
ครูมนัสกับแป้งได้แต่ยืนมอง
ทั้งสองเริ่มเข้าใจแล้วว่า เสียงกลองที่ดังทุกคืน ไม่ใช่เสียงของคำสาป
แต่มันคือเสียงของหลวงพ่อที่พยายามเตือนให้คนจำไว้ ว่า “ศรัทธา” ของวัดนี้ไม่ควรถูกลืม
ภาพไฟไหม้จางหายไป เหลือเพียงหลวงพ่อแสงยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าท่านสงบ ดวงตาเมตตา
“ขอบใจที่กลับมา... เสียงกลองต้องไม่เงียบอีกต่อไป”
ครูมนัสก้มลงกราบ
“หลวงพ่อครับ หนูจะเล่าเรื่องของท่านให้คนรุ่นใหม่รู้ครับ”
หลวงพ่อยิ้มบางๆ ก่อนหายไปกับแสง
เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง ช้าๆ หนักแน่น เหมือนตีส่งท้าย
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท
ครูมนัสกับแป้งฟื้นขึ้นมาที่ศาลาวัดในปัจจุบัน
ไฟไม่มีแล้ว แต่ในอากาศยังอุ่นเหมือนมีควัน
กลางศาลา มีกลองเพลใบเดิมตั้งอยู่ เหมือนใหม่เอี่ยม
ไม่มีรอยไหม้ ไม่มีคราบเลือด
หลวงพ่อขันธ์กับจ่าสมบัติมาถึงพอดี
ทั้งคู่ตกใจที่เห็นทั้งสองยังมีชีวิตอยู่
หลวงพ่อพูดเสียงสั่น
“ท่านคงปล่อยแล้ว... ศรัทธากลับมาแล้วโยม”
หลังจากวันนั้น ครูมนัสเขียนหนังสือชื่อ เสียงกลองเพลจากวัดร้าง
เล่าเรื่องทั้งหมดไว้ให้คนรุ่นหลังฟัง
ส่วนวัดโพธิ์ทองลับก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่
มีพระมาจำพรรษา มีคนมากราบไหว้กันไม่ขาด
แต่ในทุกคืนวันพระ...
ถ้าใครยืนเงียบๆ หน้าวัด แล้วฟังดีๆ
จะได้ยินเสียงกลองเพลดังมาจากในศาลา
ตุ้ม... ตุ้ม... ตุ้ม...
เหมือนเสียงของใครบางคน...
ที่ยังเฝ้ารอให้ศรัทธา... ไม่เงียบหายไปจากหัวใจของคน

0 ความคิดเห็น