วัดโพธิ์ลืมศพ...ชื่อแค่ได้ยินก็ขนลุกแล้ว
วัดนี้อยู่ท้ายหมู่บ้านเก่าที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปมานานหลายสิบปี
คนแก่เขาเล่าว่า คืนไหนมีเสียงสวดจากในศาลาเก่า
นั่นแปลว่า “ผีกระโจม” ออกมาเดิน
แก้ว เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ด ชอบเรื่องผี ชอบของลึกลับ
ยิ่งใครห้าม เขายิ่งอยากลอง
คืนนั้นเขากับเพื่อนชื่อมั่น นัดกันไปพิสูจน์ในคืนวันพระใหญ่
มั่นก็ปากดีไปงั้น แต่จริง ๆ แล้วขี้กลัวจะตาย
ประมาณสามทุ่ม ทั้งคู่แอบเอาไฟฉายกับธูปไป จุดทางหลังวัด
ลมพัดเอื่อย ๆ เสียงจิ้งหรีดดังระงม
พอเดินเข้าใกล้ศาลาเก่า กลิ่นธูปแปลก ๆ ลอยมา
ไม่ใช่กลิ่นหอมแบบธูปใหม่ ๆ นะ มันเป็นกลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนของเก่าที่ดับไม่สนิท
มั่นเริ่มสั่น พูดเสียงเบา ๆ ว่า
“แก้ว...กลับกันเหอะ กูว่ามันไม่ดี”
แต่แก้วยังหัวเราะ “กลัวอะไร ก็ดูเฉย ๆ เดี๋ยวก็กลับ”
ทั้งสองยืนแอบหลังต้นโพธิ์ใหญ่
ไฟฉายในมือมั่นเริ่มกระพริบ ทั้งที่เพิ่งใส่ถ่านใหม่
เสียงเหมือนคนเดินลากผ้าเบา ๆ ดังขึ้นจากในศาลา
...แกรก...แกรก...
แล้วตามด้วยเสียงผู้หญิง...ร้องเบา ๆ เหมือนสะอื้น
แก้วค่อย ๆ แอบชะโงกหน้ามองเข้าไป
ในความมืด เห็นผ้าขาวผืนใหญ่พาดอยู่กับคานไม้ เหมือนทำเป็นกระโจม
ข้างในมีเงาผู้หญิงนั่งก้มหน้า ถือพวงมาลัยอยู่ในมือ
เสียงร้องไห้ดังชัดขึ้นทีละน้อย
“ใคร...ใครมาสวดให้ข้า...”
มั่นตาโต รีบคว้าแขนแก้ว “ไปเถอะ แก้ว มันมีของจริงอยู่ในนั้น!”
แต่แก้วยังยืนนิ่ง เหมือนโดนสะกด
พอเขายกไฟฉายขึ้นส่อง...ผ้าขาวทั้งผืนไหววูบ แล้วเงานั้นหายไปต่อหน้า
เหลือแต่กลิ่นธูปแรงจัดจนแสบจมูก
แก้วกับมั่นวิ่งไม่คิดชีวิตออกจากวัด
พอกลับถึงบ้าน แก้วรู้สึกว่ากระเป๋าเสื้อหนัก ๆ
เขาล้วงออกมา...เจอสร้อยลูกปัดเก่า ๆ เส้นหนึ่ง
ลูกปัดดำ ๆ สลับแดง ดูเหมือนของโบราณ
ทั้งที่เขาไม่ได้เก็บอะไรมาเลย...
คืนนั้น แก้วนอนไม่หลับ
เสียงลมพัดหน้าต่างดัง เอี๊ยด...เอี๊ยด...
แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงกระซิบเบา ๆ ข้างหู
“อย่าทิ้งฉันไว้อีกเลย...”
แก้วสะดุ้งตื่น เหงื่อท่วมทั้งตัว
มือกำสร้อยลูกปัดแน่น
ไม่รู้เลยว่า นั่นเป็นคืนแรก...ที่ผีกระโจมจะกลับมาหาเขาอีกครั้ง...
รุ่งเช้า แก้วนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้าน
ใต้ถุนยังมีสร้อยลูกปัดวางอยู่บนผ้าขาวที่แม่เขาเอามารองให้
แม่แก้วถามหลายรอบว่า เอามาจากไหน
แต่แก้วก็ไม่กล้าบอกตรง ๆ ว่าไปเจอในวัดร้าง
สาย ๆ แก้วเลยแอบถือสร้อยไปหายายสำราญ
ยายเป็นคนแก่ในหมู่บ้านที่รู้เรื่องเก่าของวัดโพธิ์ลืมศพมากที่สุด
ยายชอบนั่งอยู่หน้าศาลาวัดใหม่ ขายกล้วยแขกกับธูปเทียน
พอแก้วเดินเข้าไป ยายเหลือบตามอง แล้วพูดขึ้นทันทีว่า
“ของนั่น...เอ็งไปได้มาจากไหน”
แก้วนิ่ง ไม่ตอบ
ยายเอามือเหี่ยวย่นแตะสร้อยลูกปัดแล้วถอนหายใจ
“ไอ้นี่...ของแม่บัว”
“แม่บัวเหรอยาย ใครเหรอ” แก้วถาม
ยายหลับตาแล้วพูดเสียงเบา
“เมียพระครัวเก่าที่วัดนั่นแหละ...เขาตายแบบไม่ได้สวดส่ง”
ยายเริ่มเล่า
เมื่อสามสิบปีก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแม่บัว
เธอเป็นคนใจดี ทำข้าวทำกับข้าวถวายพระทุกวัน
จนวันหนึ่ง มีของหายจากกุฏิหลวงพ่อ
คนทั้งหมู่บ้านหาว่าแม่บัวเป็นคนขโมย
ไม่มีใครเชื่อคำพูดเธอเลย
แม่บัวหนีเข้าไปในวัดโพธิ์ลืมศพ แล้วไม่กลับออกมาอีกเลย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน วัดก็ร้าง ไม่มีพระ ไม่มีคนอยู่
แล้วก็เริ่มมีคนได้ยินเสียงร้องไห้ในศาลาเก่า...ทุกคืนวันพระ
แก้วฟังแล้วขนลุก
“ยาย...ถ้าแม่บัวตาย แล้วผมเจอสร้อยของเธอในวัด หมายความว่ายังไง”
ยายหันมามองหน้าตรง ๆ แล้วพูดเสียงต่ำ
“หมายความว่า...เขายังอยู่ เขายังรอให้ใครสักคนช่วย”
คืนนั้น แก้วนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ
ในฝัน เขาเห็นหญิงสาวในชุดขาว ผมยาวปิดหน้า
นั่งอยู่ใต้กระโจมผ้าขาว
เธอพูดเสียงสั่น ๆ ว่า
“ฉันยังไม่ได้สวดส่ง...อย่าทิ้งฉันไว้อีกเลย”
แก้วสะดุ้งตื่น น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตอนนั้นเขารู้เลยว่า ผีกระโจมที่เห็น...คือแม่บัวจริง ๆ
และเขาต้องหาทางช่วยเธอให้ได้
ตั้งแต่คืนนั้น แก้วนอนไม่เคยหลับสนิทอีกเลย
ทุกคืนจะได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเขาเบา ๆ
บางคืนเหมือนเสียงสะอื้น บางคืนเหมือนเสียงสวดแผ่ว ๆ ข้างหู
จนมั่น เพื่อนซี้ทนไม่ได้ บอกว่า
“แก้ว ถ้ามันตามแกขนาดนี้ ไปวัดโพธิ์ลืมศพอีกสักทีเหอะ กูจะไปด้วย”
เช้าวันนั้น แก้วเลยไปหาหลวงพ่อจัน พระแก่ที่เพิ่งกลับมาจำวัดในหมู่บ้าน
พอหลวงพ่อเห็นสร้อยลูกปัด ท่านนิ่งไปพักใหญ่
แล้วพูดว่า
“โยม...ของนี่ข้าเคยเห็น มันเป็นของแม่บัวจริง ๆ
ตอนนั้นข้าบวชใหม่ ๆ อยู่ที่วัดโพธิ์ลืมศพ
แม่บัวเขาถูกใส่ร้าย ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด
แต่ก่อนจะตาย เขาบอกว่า...อยากได้ยินเสียงสวดส่งจากปากข้าสักครั้ง”
แก้วฟังแล้วขนลุกไปทั้งตัว
หลวงพ่อจันเลยตัดสินใจไปกับแก้วและมั่น
คืนนั้นเป็นคืนวันพระ...พระจันทร์เต็มดวง ส่องวัดเก่าจนเห็นเงาผ้าขาวพริ้วอยู่ในลม
ทั้งสามคนจุดธูปหน้าศาลาเก่า
แก้วถือสร้อยลูกปัดไว้แน่น มือสั่นแต่ใจสู้
พอหลวงพ่อเริ่มสวด เสียงสวดนั้นก้องสะท้อนในศาลาร้าง
สายลมเย็นวาบพัดผ่านเหมือนอะไรตื่นขึ้นมา
อยู่ ๆ ผ้าขาวที่พาดอยู่ในศาลา ก็พริ้วแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงผู้หญิงร้องไห้ดังชัดขึ้น
มั่นหน้าซีดตัวแข็ง
แต่แก้วกลับยกมือไหว้ แล้วพูดเสียงสั่น
“แม่บัว...ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ผมจะอยู่จนกว่าจะสวดจบ”
เสียงสวดดังขึ้นหนักแน่นขึ้น
ไฟฉายที่วางอยู่ดับหมด เหลือแต่แสงเทียนกับจันทร์
กลางผ้าขาวนั้น...เงาผู้หญิงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
ใบหน้าซีดแต่สงบ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
เธอยกมือไหว้หลวงพ่อ แล้วหันมามองแก้ว
พูดเบา ๆ ว่า
“ขอบใจนะ...ลูก”
แล้วร่างนั้นก็สลายเป็นกลุ่มควันสีขาว
ลอยออกไปทางต้นโพธิ์หลังศาลา
กลิ่นมะลิหอมอบอวลเต็มวัด
ผ้าขาวที่เคยพาดไว้ค่อย ๆ หล่นลงกับพื้น...เงียบสนิท
หลวงพ่อจันหลับตาแล้วเอ่ยเบา ๆ
“หมดเวรหมดกรรมแล้วโยม...เขาไปสู่สุคติแล้ว”
รุ่งเช้า แก้วกลับมาที่วัดอีกครั้ง
แดดส่องเข้าศาลา กลิ่นมะลิยังอวลอยู่
บนพื้น มีแค่สร้อยลูกปัดวางอยู่กลางแสงแดด
แต่ลูกปัดที่เคยดำ กลับกลายเป็นสีขาวใสเหมือนแก้ว
แก้วยกมือไหว้ แล้วยิ้มทั้งน้ำตา
หลังจากนั้น เขาช่วยหลวงพ่อกับชาวบ้านบูรณะวัดโพธิ์ลืมศพใหม่อีกครั้ง
เสียงร้องไห้ไม่มีอีกแล้ว
เหลือแต่เสียงระฆังยามเย็น กับกลิ่นดอกมะลิที่ลอยมาตามลม
เหมือนใครบางคน...ยังเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ
วัดโพธิ์ลืมศพ...ไม่ร้างอีกต่อไป

Social Plugin